PPC Vs SEO ข้อดีและข้อเสียสำหรับธุรกิจเกิดใหม่

May 20, 2022Published By: Relevant Audience
Results Image

ใครที่คลุกคลีอยู่ในวงการการตลาดออนไลน์คงรู้กันดีอยู่แล้วว่ากลยุทธ์การตลาดออนไลน์อย่างการทำ SEO (Search Engine Optimization) และ PPC (Pay Per Click) เป็นส่วนสำคัญของแผนการตลาดออนไลน์ของทุกกลุ่มธุรกิจในปัจจุบัน

การลงทุนไปกับการทำ SEO หรือ PPC เพื่อโปรโมตสินค้าหรือบริการต่างๆ ของแบรนด์ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นลำดับต้นๆ ของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในตลาดดิจิทัล ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้

แต่คำถามคือ ถ้าธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นก่อตั้งได้ไม่นาน แถมไม่มีงบประมาณพอที่จะรองรับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์แบบจ่ายทีเดียวจบ การเลือกใช้กลยุทธ์เหล่านี้จะเป็นเรื่องที่เกินตัวไปหรือไม่? เพราะต้องไม่ลืมว่ากลยุทธ์การตลาดที่ดี คือกลยุทธ์ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาดผ่านมุมมองทางการเงิน ฉะนั้นในบทความนี้จะพาผู้ประกอบการมือใหม่ทุกคนมาดูข้อดีและข้อเสียของการทำ SEO และ PPC กัน เผื่อใครที่กำลังกังวลว่าธุรกิจของเราเหมาะกับกลยุทธ์การตลาดแบบไหนกันแน่ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

ข้อดีของการทำ PPC สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

มาเริ่มจากข้อดีของการทำ PPC ก่อน มีดังนี้

ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว (หากทำอย่างถูกต้อง)

อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจคือ “ไม่มีใครรู้จักแบรนด์ของคุณ” แน่นอนว่าต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างฐานลูกค้าให้เกิดขึ้น โดย KAU Media Group ซึ่งเป็นบริษัทเอเจนซีชั้นนำของโลก ได้กล่าวถึงการทำแคมเปญโฆษณาแบบ PPC เอาไว้ว่า “สิ่งที่น่าสนใจที่ประการหนึ่งเกี่ยวกับการทำ PPC คือ สามารถให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วสำหรับทุกคนที่มีงบประมาณ เพราะ PPC สามารถทำให้แบรนด์ของคุณไปปรากฏในหน้าแรกของ Google ได้ง่ายๆ ตราบใดที่คุณจ่ายเงิน” พูดง่ายๆ คือ เงินถึงเท่าไหร่ผลลัพธ์ที่ได้ก็เท่านั้น

การที่แบรนด์สามารถดันตัวเองให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกค้นหาได้ง่ายขึ้น สิ่งแรกที่แบรนด์จะได้รับนั่นก็คือ Brand Awareness ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ว่า คุณคือใคร คุณกำลังทำอะไรอยู่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมานั่งรอคอยการไต่อันดับเหมือนการทำ SEO 

ช่วยในเรื่อง Website Traffic  

ใครที่มีประสบการณ์การทำ SEO คงรู้กันดีว่ากว่าที่จะสร้าง Organic Traffic ให้เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากและใช้เวลานาน ฉะนั้นเพื่อให้การเริ่มต้นของธุรกิจไปได้สวยหากต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้ในทันที ด้วยการเพิ่มยอดเข้าชมให้กับเว็บไซต์แบบ Paid Traffic ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ รับประกันได้เลยว่าเห็นผลดีมากๆ 

เพราะอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นการสร้าง Organic Traffic บนเว็บไซต์ในช่วงแรกนับว่าเป็นอะไรที่ยุ่งยากและต้องใช้เวลาพอสมควร การเลือกใช้ PPC ในช่วงต้นถึงแม้จะต้องใช้งบประมาณในระดับหนึ่งแต่ก็คุ้มค่าในระยะยาวแน่นอน

เป็นสะพานให้แบรนด์ไปแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่

ระหว่างบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดมานานกับบริษัทที่เพิ่งกำลังก่อตัวได้ไม่นาน แน่นอนว่ามีความแตกต่างที่สำคัญนั้นก็คือการถือครองทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนบุคลากร ไอเดีย และงบประมาณในการลงทุน ที่บริษัทขนาดใหญ่ย่อมมีสูงกว่าบริษัทขนาดเล็ก หากคุณเป็นบริษัทไอทีโนเนมอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะไปท้าชนแคมเปญโฆษณากับ Apple

อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งรู้สึกสิ้นหวังหรือท้อแท้ ยังพอมีทางที่สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดบางส่วนมาได้บ้าง ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณเป็นแบรนด์รองเท้าโนเนม การทำแคมเปญโฆษณาแบบ PPC จะพบว่าในตลาดอาจมีการผูกขาดคีย์เวิร์ดคำว่า “รองเท้าผู้ชาย” จากแบรนด์ขนาดใหญ่ไปแล้ว ฉะนั้นอาจลองแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนไปใช้คีย์เวิร์ดประเภทต่างๆ อย่าง Niche Keyword หรือ Longtail Keyword ที่เป็นคีย์เวิร์ดแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ระบุชัด รุ่นอะไร ราคาเท่าไหร่ พูดง่ายๆ คือ ใช้เทคนิคบางประการเท่าที่ทำได้เพื่อทำให้แคมเปญโฆษณาสามารถที่จะขึ้นไปทัดเทียมกับแคมเปญของบริษัทขนาดใหญ่ได้แบบที่ไม่มีใครคาดถึง  

ข้อเสียของการทำ PPC สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

สำหรับข้อเสียของการทำ PPC มีดังนี้

มีค่าใช้จ่ายสูง 

อย่างที่รู้กันดีว่าการทำ PPC จำเป็นจะต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้ผลลัพธ์กลับมา ยิ่งจ่ายมากเท่าไหร่ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ด้วยตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างมหาศาลนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรหรือเงินทุนมหาศาลจะเข้ามามีบทบาทในการเป็นเจ้าตลาด อย่างเช่น การถือครองคีย์เวิร์ดที่มีราคาแพงจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นผลทำให้ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งหลายรายเกิดข้อจำกัดในการเติบโต

ฉะนั้นหากต้องการลงทุนทำแคมเปญโปรโมตแบรนด์แบบ PPC ก็ต้องมีความรอบคอบในการลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปจนกว่าธุรกิจจะอยู่ในจุดที่สามารถตั้งหลักได้ จากนั้นจะดำเนินการแคมเปญโฆษณาต่อในรูปแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น

ข้อดีของการทำ SEO

สำหรับข้อดีของการทำ SEO มีดังนี้

ได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงและมีคุณภาพ

แม้การทำ PPC จะเป็นการเพิ่มจำนวน Website Traffic ได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มเป้าหมายที่เข้ามายังเว็บไซต์จะกลายเป็นฐานลูกค้า ที่เลือกใช้บริการหรือซื้อสินค้าจริงๆ (อาจจะแค่เผลอคลิกเข้ามา แล้วกดออกไปทันที) แต่กลยุทธ์การทำ SEO นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะการทำ SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของอัลกอริทึมของกูเกิลเพื่อให้สามารถนำเว็บไซต์ไปจัดอันดับได้ ในขณะที่กูเกิลก็มีการพัฒนาอัลกอริทึมให้ตอบสนองกับผลลัพธ์ที่ผู้คนทั่วไปค้นหาอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายความว่า ยิ่งปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงใจกูเกิลมากเท่าไหร่ ผลที่ได้ไม่เพียงแต่จะทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดี แต่ยังจะช่วยให้ผู้คนทั่วไปสามารถค้นหาเว็บไซต์ที่ต้องการได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน และจะเป็นผลให้เว็บไซต์ที่ทำ SEO  ได้รับกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพที่จะเข้ามาเพิ่มยอดขาย หรือ Conversion ต่างๆ ให้กับธุรกิจของคุณนั่นเอง 

สร้างความประทับใจแรกให้ผู้ใช้งาน

นักการตลาดทุกคนรู้กันดีว่า “การสร้างความประทับใจแรก” ถือเป็นกลยุทธ์หลักอันดับหนึ่งในการซื้อใจลูกค้า การทำ SEO ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่สูงขึ้นในหน้าของ Google Search เท่านั้น แต่ยังมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ที่มีการปรับแต่งตามหลัก SEO อย่างถูกต้องแล้ว จะช่วยสร้างความประทับใจแรกให้ผู้ใช้งานได้ และจะส่งผลให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปากได้ในแบบที่คาดไม่ถึงแน่นอน

เติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว

ผลลัพธ์ของการทำ SEO อาจจะใช้เวลานานกว่าหากเทียบกับการทำ PPC แต่ก็เป็นโซลูชันทางการตลาดที่มีความยั่งยืนและสามารถเติบโตในระยะยาวได้ดีกว่า เพราะอย่าลืมว่ากว่าที่จะดันอันดับเว็บไซต์ให้ไปอยู่ในจุดสูงสุดได้นั้นจำเป็นจะต้องลงทุนลงแรงไปกับการปรับแต่งเว็บไซต์ การดูแลเนื้อหาคอนเทนต์ ลิงก์ต่างๆ รวมถึงคอยตรวจสอบเว็บไซต์อยู่ตลอดเวลา คำถามคือแล้วเว็บไซต์ที่ติดอันดับสูงๆ ไม่มีโอกาสที่จะตกแล้วหรอ? คำตอบคือมีโอกาส แต่ก็ไม่ใช่ในวันสองวันหรืออาทิตย์สองอาทิตย์แน่นอน ยิ่งคุณปรับแต่งเว็บไซต์ไว้ดีและตรงใจอัลกอริทึมของกูเกิลแค่ไหนโอกาสที่เว็บไซต์จะติดอันดับสูงก็นานเท่านั้น

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการมือใหม่ทุกท่านตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในการเริ่มต้นวางกลยุทธ์การตลาด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO และ PPC สามารถอ่านได้ในบทความนี้

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

มุมมองตารางแบบต้นไม้ของ Google Ads: การเปลี่ยนเกมสำหรับการวิเคราะห์แคมเปญ
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 24, 2025

มุมมองตารางแบบต้นไม้ของ Google Ads: การเปลี่ยนเกมสำหรับการวิเคราะห์แคมเปญ
เรียนรู้ว่ามุมมองตารางแบบต้นไม้ของ Google Ads สามารถเปลี่ยนแปลงการวิเคราะห์แคมเปญของคุณได้อย่างไร รับเคล็ดลับในการใช้เครื่องมือทรงพลังนี้เพื่อจัดระเบียบข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ...
โฆษณาบน Threads: สิ่งที่คุณควรรู้
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 24, 2025

โฆษณาบน Threads: สิ่งที่คุณควรรู้
เรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การโฆษณาใหม่ของ Meta บน Threads และผลกระทบต่อผู้ใช้และนักการตลาด ค้นพบอนาคตของโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย...
เช็คลิสต์ SEO ขั้นสุดยอดสำหรับปี 2025
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 23, 2025

เช็คลิสต์ SEO ขั้นสุดยอดสำหรับปี 2025
เพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณด้วยเช็คลิสต์ SEO ขั้นสุดยอดนี้ เรียนรู้กลยุทธ์สำคัญเพื่อเพิ่มความโดดเด่นและดึงดูดการเข้าชมจากทราฟฟิกออร์แกนิคมากขึ้นวันนี้...
การใช้งบประมาณ PPC ของคุณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อ ROI ที่ดีขึ้น
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 23, 2025

การใช้งบประมาณ PPC ของคุณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อ ROI ที่ดีขึ้น
เรียนรู้วิธีบริหารและปรับแต่งงบประมาณ PPC ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว...