เชื่อว่าในปี 2023 นี้ ทั้งแบรนด์และธุรกิจต่างๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของเว็บไซต์มากขึ้น เพราะเป็นตัวช่วยที่สามารถนำไปต่อยอดให้กับแผนการตลาดออนไลน์ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก เพื่อเพิ่มยอดขาย สร้างการจดจำให้กับธุรกิจบนโลกออนไลน์
“หน้าเว็บโหลดช้า เจอปัญหา Connection Errors ไปจนถึงปัญหาหน้าจอสีขาว” ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่คนทำ WordPress Website มักจะต้องพบเจอเป็นประจำ โดยปัญหาดังกล่าวมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการเลือกใช้บริการ WordPress Hosting ที่ไม่ตอบโจทย์ ทำให้เว็บไซต์ขาดความเสถียร มีประสิทธิภาพต่ำ และทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาทีหลัง ดังนั้นในบทความนี้ Relevant Audience จะพาทุกคนมาดูกันว่าถ้าอยากได้เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพจะต้องเลือก Hosting สำหรับ WordPress แบบไหนดีในปี 2023 ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
ในปัจจุบันมีบริการ Web Hosting มากมายหลากหลายรูปแบบ โดยแต่ละบริการก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองจำเป็นต้องรู้ว่า บริการรูปแบบใดที่จะสามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดกับเว็บไซต์
โดยพื้นฐานแล้วฟีเจอร์ที่แนะนำให้มองหาเอาไว้ก่อนในผู้ให้บริการ Hosting มีดังนี้
- ใช้งาน SSL ได้ฟรี
- มีฟีเจอร์ Daily Backup อัตโนมัติ
- เรื่องความปลอดภัยต้องดี
- รองรับการเติบโตในอนาคต
- มีทีม Support คอยให้บริการ
- ยืดหยุ่นในการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือปลั๊กอิน
- ราคาสมเหตุสมผล
แนะนำ Hosting สำหรับ WordPress 2023
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าการมี Hosting ที่มีคุณภาพ รู้ใจ สอดคล้องกับความต้องการของเว็บไซต์ จะช่วยสร้างโอกาสให้ธุรกิจมีเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก สำหรับประเภทและผู้ให้บริการ Hosting ในปัจจุบันก็มีให้เลือกแตกต่างกันไป แต่รูปแบบที่ได้รับความนิยมจะสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทได้ ดังนี้
1. Shared Hosting
เรียกว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับการเลือกใช้บริการ Hosting เพราะมีราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไป เหมาะกับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แต่แน่นอนว่าด้วยความเป็น Shared Hosting จึงเป็นการแชร์ทรัพยากรหลายเว็บบนตัวเซิร์ฟเวอร์ จึงมักเกิดปัญหาการแย่งใช้งานทรัพยากรต่างๆ ทำให้ในกรณีที่ Host Provider ไม่มีคุณภาพมากพอ ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา
ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- สามารถ Upgrade Package ได้ทันทีที่ต้องการ
- มี Host Provider ให้เลือกเยอะ
ข้อเสีย
- มีข้อจำกัดหลายอย่างจากการถูกแชร์ Server ร่วมกันกับเว็บไซต์อื่น ไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการ Custom Configuration
2. Dedicated Hosting
เป็นบริการ Hosting ในลักษณะที่ว่าให้เหมาเช่าเซิร์ฟเวอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแชร์เครื่องเซิร์ฟเวอร์กับใคร ทำให้มีระบบความปลอดภัยที่ดีกว่า Shared Hosting รวมถึงเสถียรภาพของเว็บไซต์ที่มากกว่า
ข้อดี
- ความปลอดภัยที่มากกว่า เพราะไม่มีความเสี่ยงจากการแชร์เว็บไซต์ร่วมกัน
- ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ที่ดีขึ้น
- ประหยัดเวลาในการบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ได้สะดวกสบาย
ข้อเสีย
- ราคาที่สูงกว่า Shared Hosting
- จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิคในการปรับแต่ง
- ไม่ยืดหยุ่นกับแผนการเติบโตเว็บไซต์ในระยะยาว
3. VPS Hosting
สำหรับ VPS Hosting เปรียบเสมือนกับจุดกึ่งกลางระหว่าง Shared Hosting และ Dedicated Hosting เพราะคือบริการเซิร์ฟเวอร์เสมือนในลักษณะที่เป็นการจำลอง Physical Server 1 เครื่อง ออกเป็น Virtual Machine หลายๆ เครื่อง โดยแต่ละ VM จะแยกการประมวลผลทุกอย่างออกจากกัน ทำให้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Shared Hosting ในขณะที่สามารถปรับแต่งการทำงานในระดับ Root Service หรือ Configuration ต่างๆ เสมือนได้ใช้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง
ข้อดี
- ประสิทธิภาพเว็บไซต์ที่สามารถทำงานได้ดีกว่า Shared Hosting
- ปรับแต่งการทำงานต่างๆ ได้ตามความต้องการ
- มีความปลอดภัยที่มากกว่า
ข้อเสีย
- ราคาสูง
- อาศัยความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค
- การปรับแต่งไม่อิสระเท่า Dedicated Hosting
4. Managed WordPress Hosting
สำหรับบริการ WordPress Hosting เปรียบเสมือนกับการสั่งตัดชุดพิเศษ ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะในการจัดการดูแล WordPress Website สะดวกต่อการปรับแต่ง Server ให้รองรับปลั๊กอินต่างๆ เหมาะกับธุรกิจหรือใครที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งคอนเทนต์เพื่อการตลาดมากกว่าการโฟกัสรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆ
ข้อดี
- การจัดการที่ง่ายและสะดวกสบาย
- ใช้ร่วมกับ WordPress Website จะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
- โดยส่วนใหญ่จะมีบริการ Support จาก Hosting Provider ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่า Web Hosting โดยทั่วไป
- การปรับแต่งที่จำกัด
- จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ให้บริการ โดยเฉพาะหากไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคในการจัดการเว็บไซต์ด้วยตนเอง
ทิ้งท้าย
ในเรื่องของการเลือก Hosting ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ ใครที่เป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ขอแนะนำว่าให้ลองใช้ Hosting ในรูปแบบ Share Host ก่อนก็ได้ จากนั้นเมื่อมีความเชี่ยวชาญแล้วถึงค่อยขยับขึ้นไปหา Host ที่มีราคาแพงขึ้น ที่สำคัญคือลองดู Feedback ของ Hosting Provider หลายๆ เจ้าก่อนตัดสินใจ จะได้เป็นการประกันความมั่นใจให้กับเว็บไซต์ของเราในระยะยาวได้มากขึ้น
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัท Digital Performance Marketing Agency ที่ให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com