อย่างที่รู้กันดีว่าเทรนด์ Data Privacy กำลังมาแรง อย่างในประเทศไทยเองก็มีการประกาศบังคับใช้กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) ไปแล้ว ทำให้การทำการตลาดออนไลน์ในฝั่งของแบรนด์จำเป็นที่จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนเสมอ เพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ที่จะนำไปวิเคราะห์และใช้ในส่วนอื่นๆ ของการทำการตลาดออนไลน์ หรือที่หลายคนเรียกกันง่ายๆ ว่า “การวัดผล” นั่นเอง
เรียกได้ว่าเกิดผลกระทบโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการวัดผลแคมเปญโฆษณาที่จำเป็นต้องขอความยินยอมของผู้ใช้งานก่อนเสมอ แล้วถ้าหากเกิดกรณีที่ผู้ใช้งานไม่ยินยอมขึ้นมา นักการตลาดจะต้องทำอย่างไร? แล้วจะมีวิธีไหนที่จะช่วยผสาน Data Privacy ไปกับ การวัดผลแคมเปญ ให้กับแบรนด์ได้บ้าง ในวันนี้ Relevant Audience จะพาทุกคนมารู้จักกับฟีเจอร์เด็ดที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหานี้กัน นั่นก็คือ Google Consent Mode ถ้าพร้อมแล้ว มารู้จักไปพร้อมกันเลย
Google Consent Mode คืออะไร?
อย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นว่าเมื่อเทรนด์ของโลกคือ Data Privacy ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ การให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยต่อข้อมูลผู้ใช้งานจึงกลายเป็น First Priority ที่แบรนด์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในขณะที่ Google เองก็รับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงมีการออกแบบวิธีการที่เสมือนเป็นตัวกลางระหว่าง “นโยบายความเป็นส่วนตัว” ของผู้ใช้งานและ “การวัดผลแคมเปญ” ของฝั่งนักการตลาด
โดยกระบวนการของ Google Consent Mode จะทำงานตามหลักการด้านล่างของภาพนี้
อย่างที่เห็นว่าในกระบวนการทำงานรับส่งข้อมูล ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่ยินยอม กูเกิลจะใช้วิธีการให้ Machine Learning ทำการวิเคราะห์ Data ในฝั่งของ “ผู้ให้ความยินยอม” เพื่อหา Conversion Modeling จากนั้นจะนำโมเดลนี้มาปรับใช้หา Data ในฝั่งของ ”ผู้ที่ไม่ยินยอม” โดยกูเกิลเคลมว่าจะสามารถช่วยวัดผลข้อมูลในส่วนของ Conversion ได้มากกว่า 70% ด้วยเหตุนี้จะช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงข้อมูลในส่วนนี้และนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นนั่นเอง
วิธีการใช้งาน Google Consent Mode
สำหรับ ฟีเจอร์ Google Consent Mode เป็น API ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถใช้ร่วมกับบริการทั้งหมดของ Google ไม่ว่าจะเป็น Google Analytics หรือ Google Ads รวมไปถึง Google Tag Manager, Gtag, Floodlight, Conversion Linker โดยในแต่ละเครื่องมือผู้ใช้งานสามารถเปิดการตั้งค่า Consent Setting ได้ เพื่อให้นักการตลาดยังสามารถได้ข้อมูลแบบไม่ระบุตัวตนของผู้ใช้งานในรูปแบของภาพรวมเชิงสถิติ โดยอาจจะมีข้อมูลในส่วนของ
- จำนวนหน้าที่ผู้ใช้กดเข้าไปชม
- เวลาที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์
- รู้เบราว์เซอร์หรือระบบปฏิบัติการของผู้ใช้
- วิธีที่ผู้ใช้เข้ามายังเว็บไซต์ เช่น อาจจะผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
ทิ้งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับฟีเจอร์ดีๆ จาก Google ที่พัฒนามาช่วยให้นักการตลาดและแบรนด์สามารถทำงานกับข้อมูลของลูกค้าที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการยินยอมก็ตาม ถึงแม้ว่าข้อมูลจะได้มาแบบไม่ระบุตัวตน แต่อย่างไรก็สามารถช่วยให้แบรนด์ได้รับข้อมูลที่เห็นภาพรวมได้ และที่สำคัญคือไม่มีการละเมิดข้อกฎหมายอีกด้วย พูดง่ายๆ ว่ามีเอาไว้ก็ดีกว่าไม่มี ถ้าอยากให้แบรนด์มีประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์ดีขึ้น ก็ติดตามข้อมูลดีๆ จากเราได้เลย มีอัปเดตให้รู้กันในทุกวันแน่นอน
Source: Google Blog
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com