Google Trend เป็นเครื่องมือฟรีจากกูเกิลที่อนุญาตให้คนทั่วไปสามารถใช้เพื่อดูเทรนด์คำค้นหา และมีฟีเจอร์ต่างๆ มากมายที่ช่วยให้สามารถย้อนดูความนิยมในหมวดหมู่ต่างๆ หรือของปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกของการตลาดออนไลน์ ที่นักการตลาดสามารถใช้ Googlee Trend เพื่อไปวิเคราะห์คีย์เวิร์ดต่างๆ และสามารถนำไปต่อยอดในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ณ การทำ SEO และอื่นๆ ได้มากมาย
ดังนั้นในบทความนี้ Relevant Audience ได้รวบรวมเคล็ดลับการใช้งาน Google Trend สำหรับนักการตลาดจาก Oberlo มาฝากกัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
1.ใช้ Google Trend หา Niches Market
Google Trends เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่เหมาะสมสำหรับนักการตลาดที่เอาไว้ใช้หา Niche Market Keyword หรือคำค้นหาที่มีความเฉพาะกลุ่มได้ดี ทำให้สามารถดูข้อมูลอินไซต์ในการนำไปเจาะตลาดกลุ่มสินค้าหรือบริการที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
อย่างในตัวอย่างจะเห็นได้ว่า Fudget Spinner มีกราฟที่ดีดพุ่งตัวขึ้นสูงมากในช่วงปี 2017 แสดงให้เห็นว่าเคยได้รับความนิยมมากในเวลานั้น นอกจานี้ยังสามารถเพิ่มความละเอียดในการดูข้อมูลด้วยเลือกใช้ Filter ต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน
2.ใช้ Google Trend เพื่อหาสินค้าในหมวดหมู่ที่ต้องการ
อีกหนึ่งสิ่งที่ Google Trend สามารถช่วยธุรกิจได้คือ เป็นตัวช่วยในการเลือกสินค้าใหม่ๆ มาขายเพิ่ม เพราะ Google Trend มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Related Topic หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้อง คือ เมื่อกรอกคีย์เวิร์ดหลักลงไปแล้วระบบก็จะแสดงคำค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องมาให้ด้วย และนอกจากเป็นคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องแล้วยังเป็นคำค้นหาที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะกดค้นหาต่อเนื่องจากคีย์เวิร์ดหลักด้วย
อย่างในรูปเมื่อใส่คีย์เวิร์ดหลักอย่าง Eyelash (ขนตาปลอม) ฟังก์ชัน Related Topic ก็จะแสดงคำค้นหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและเหมาะสมที่จะใช้เป็นไอเดียในการปรับปรุงธุรกิจในอนาคต
3.ใช้ Google Trend ทำ Keyword Research
การทำ Keyword Research ส่วนใหญ่นักการตลาดที่มีประสบการณ์อาจจะคุ้นเคยกับเครื่องมืออย่าง Ubersuggest, Semrush หรือ Ahrefs ที่มีฟีเจอร์ Advance ต่างๆ ในการดู Search Term, Search Volume, Average CPC และอื่นๆ แต่รู้หรือไม่ว่า Google Trend ก็สามารถนำไปทำ Keyword Research แบบพื้นฐานได้ ด้วยการใช้งานฟีเจอร์ Related Queries ที่จะช่วยแสดงว่าคีย์เวิร์ดหลักที่ใส่ไป มีปริมาณการเติบโตของการค้นหาอย่างไร ถือว่าเป็นข้อมูลอินไซต์ที่สามารถนำไปปรับใช้กับการทำ SEO และ SEM เบื้องต้นได้
4.ดูแนวโน้มความต้องการในแต่ละฤดูกาล
ในแต่ละปีจะมีช่วงที่สินค้านั้นเป็นที่พูดถึงมากที่สุด ในขณะเดียวกันก็จะมีช่วงที่เงียบหายไปกับสายลม Google Trend ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดูแนวโน้มความต้องการของสินค้าตามฤดูกาลต่างๆ ได้ด้วย เพียงแค่กรอกคีย์เวิร์ดหลักที่ต้องการค้นหาลงไป จากนั้นให้กดเลือกกรอบเวลาที่ต้องการดูข้อมูลผ่านการ Custom และกำหนดวันที่และเวลาที่ต้องการในช่วงนั้นได้ทันที
5.Google Trend ค้นหาหัวข้อที่น่าสนใจตามภูมิภาค
Google Trend สามารถใช้ค้นหาคีย์เวิร์ดเฉพาะที่กำลังได้รับความนิยมในแต่ละภูมิภาคได้ด้วย อย่างถ้าอยากรู้ว่าคำค้นหา ”ร้านอาหาร” ได้รับความนิยมในจังหวัดไหนก็เพียงแค่กรอกคีย์เวิร์ดลงไปและเลื่อนลงมาในส่วนของ Interest by subregion ก็จะเห็นปริมาณคำค้นหาตามแต่ละจังหวัดได้ทันที
ทิ้งท้าย
จะเห็นได้ว่าเครื่องมือฟรีอย่าง Google Trend สามารถให้ข้อมูลอินไซต์ที่เป็นประโยชน์ในการทำการตลาดออนไลน์ได้ดีไม่แพ้เครื่องมืออื่นๆ เหมาะสำหรับนักการตลาดมือใหม่ที่กำลังเพิ่งเริ่มต้น เพื่อช่วยให้หาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อและคีย์เวิร์ดที่ต้องการได้ หรือจะเป็นเทรนด์ กระแสนิยมของสังคม ณ เวลานั้นๆ หวังว่าเคล็ดลับที่เรไาด้นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นประโยชน์และสามารถนำไปปรับใช้ในกลยุทธ์การตลาดของคุณได้ไม่มากก็น้อย
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัท Digital Performance Marketing Agency ที่ให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com