สำหรับนักการตลาดดิจิทัลทำ SEM และ SEO เครื่องมืออย่าง Google Analytics 4 (GA4) ได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการทำ SEO วันนี้เราจะมาดูกันว่า Google Analytics 4 ติดตั้งอย่างไร และจะใช้ประโยชน์จาก Report อะไรได้บ้างเพื่อยกระดับการทำ SEO ในปี 2024
วิธีติดตั้ง Google Analytics 4 เบื้องต้น
การติดตั้ง GA4 อาจดูเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับหลายคน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด มาดูขั้นตอนกันเลย
- เริ่มต้นด้วยการเข้าสู่ระบบบัญชี Google และไปที่ Google Analytics
- สร้าง Property ใหม่ โดยคลิกที่ “Admin” แล้วเลือก “Create Property”
- เลือกประเภทของ Property เป็น “Web” สำหรับเว็บไซต์ หรือ “App” สำหรับแอปพลิเคชัน
- กรอกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์หรือแอปฯ ให้ครบถ้วน
- หลังจากสร้าง Property เสร็จ คุณจะได้รับ Measurement ID ซึ่งมีรูปแบบเป็น G-XXXXXXXXXX
- นำ Measurement ID นี้ไปติดตั้งบนเว็บไซต์ของคุณ โดยมีสองวิธีหลักๆ คือ ติดตั้งผ่าน Google Tag Manager ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการแท็กต่างๆ และ ติดตั้งโดยตรงบนเว็บไซต์ โดยการเพิ่มโค้ด gtag.js ลงในส่วน <head> ของทุกหน้าในเว็บไซต์
- สุดท้าย ให้ตรวจสอบการติดตั้งโดยใช้ Google Tag Assistant เพื่อให้แน่ใจว่า GA4 ทำงานอย่างถูกต้อง
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ให้รอสักครู่เพื่อให้ GA4 เริ่มเก็บข้อมูล จากนั้นเราก็จะสามารถเริ่มใช้งานรายงานต่างๆ ได้แล้ว
3 รายงานสำคัญใน GA4 สำหรับการทำ SEO ในปี 2024 ให้ละเอียดยิ่งขึ้น
เมื่อคุณติดตั้ง Google Analytics 4 เรียบร้อยแล้ว การใช้ประโยชน์จากรายงานต่างๆ เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ SEO เป็นขั้นตอนสำคัญต่อไป ในปี 2024 มีรายงาน 3 ประเภทที่นักทำ SEO ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ:
1. รายงาน Landing Page Performance
รายงานนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ว่าหน้าเว็บไหนมี Performace ดีที่สุด ในแง่ของการดึงดูด Traffic และสามารถสร้าง Conversion จากผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยวิธีการเข้าถึงและใช้งานรายงานนี้มีดังนี้
- เข้าไปที่ Engagement > Landing Page ใน GA4
- เพิ่มคอลัมน์ Conversion และเลือกเป้าหมาย Conversion ที่ธุรกิจอยากวัดผล เช่น การสมัครสมาชิก การซื้อสินค้า หรือการดาวน์โหลดแอปฯ เป็นต้น
- เพิ่ม Source/Medium Dimension เพื่อดูที่มาของ Traffic ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจว่าผู้ใช้มาจากช่องทางไหนบ้าง
จากข้อมูลในรายงานนี้ เราสามารถระบุหน้า Landing Page ที่มี Traffic สูงแต่อัตรา Conversion ซึ่งอาจต้องปรับปรุงในแง่ของเนื้อหา การออกแบบ UX หรือข้อความ Call-to-Action หรือในทางกลับกัน ช่วยให้พบเจอหน้าที่มี Conversion สูงแม้จะมี Traffic น้อย ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการเพิ่มการโปรโมทผ่าน SEO หรือช่องทางอื่นๆ อีกทั้งช่วยให้วิเคราะห์ประสิทธิภาพของหน้า Landing Page ตามช่องทางที่มา เพื่อปรับกลยุทธ์การทำ SEO ให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทาง
ตัวอย่าง หากพบว่าหน้าบทความ (Blog) มี Traffic สูงจากการค้นหาแบบ Organic แต่อัตรา Conversion เราอาจต้องปรับปรุงการใช้ Internal Link หรือเพิ่ม CTA ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น เพื่อนำผู้อ่านไปสู่หน้าผลิตภัณฑ์หรือบริการ
2. รายงาน Content Gap Analysis
รายงานนี้ไม่ได้มีอยู่โดยตรงใน GA4 แต่คุณสามารถสร้างขึ้นเองได้โดยใช้ข้อมูลจาก GA4 วิธีการทำมีดังนี้
- ดาวน์โหลดรายงานหน้า Landing Page จาก GA4 โดยเลือกช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ เช่น 3-6 เดือน
- นำข้อมูลที่ได้มาจัดหมวดหมู่ตามเกณฑ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจ เช่น: ขั้นตอนการซื้อ การรับรู้ (Awareness), การพิจารณา (Consideration), การตัดสินใจ (Decision), ประเภทผลิตภัณฑ์หรือบริการ, กลุ่มเป้าหมายหรือ Customer Persona
- ต่อมา ให้ลองวิเคราะห์ว่ามีช่องว่างในเนื้อหาหรือ Content Gap ส่วนไหนบ้าง โดยดูจากจำนวนหน้าในแต่ละหมวดหมู่และประสิทธิภาพของหน้าเหล่านั้น
การวิเคราะห์ Content Gap นี้สามารถช่วยระบุโอกาสในการสร้างเนื้อหาใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ อีกทั้งช่วยให้ค้นพบหัวข้อหรือประเภทเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อนำไปขยายผลต่อ พร้อมสามารถปรับปรุงการกระจายเนื้อหาให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนของ Customer Journey
ตัวอย่าง ถ้ามีเนื้อหาน้อยในขั้นตอนการพิจารณา (Consideration) เราอาจต้องสร้างบทความเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ คำแนะนำในการเลือกซื้อ หรือกรณีศึกษาเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานที่อาจเป็น Potential Customer ตัดสินใจซื้อ
3. รายงานการวิเคราะห์ Funnel Exploration
รายงานนี้สามารถช่วยให้เราเข้าใจว่า ผู้ใช้งาน (User) มี Journey อย่างไรบนเว็บไซต์ ก่อนที่จะเกิด Conversion วิธีการใช้งาน
- ไปที่ Explorations > Funnel Exploration ใน GA4
- กำหนดขั้นตอนของ Funnel ตามที่ต้องการวิเคราะห์ เช่น หน้าแรก > หน้าสินค้า > หน้ารถเข็น > หน้าชำระเงิน
- เพิ่ม Dimension หรือการแบ่งกลุ่มตามช่องทางที่มาของผู้ใช้ เช่น Organic Search, Paid Search, Social Media เป็นต้น
โดยรายงานนี้มีข้อดีคือ ช่วยให้เรามองเห็นเห็นจุดที่ผู้ใช้หลุดออกจาก Funnel มากที่สุด ซึ่งช่วยให้สามารถปรับปรุง Funnel บนหน้าเว็บไซต์ได้อย่างตรงจุดมากขึ้น เพื่อเพิ่มอัตรา Conversion ให้สูงขึ้นในระยะยาว
ตัวอย่าง หากมีผู้ใช้งานจำนวนมากออกจาก Funnel ที่หน้ารถเข็น อาจต้องปรับปรุง UX ของหน้านั้น เพิ่มความชัดเจนของขั้นตอนการสั่งซื้อ หรือเพิ่มตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายมากขึ้น
การใช้รายงานทั้ง 3 รูปแบบร่วมกันจะช่วยให้ธุรกิจมีมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์และแนวทางการปรับปรุง โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอและนำไปปรับใช้ในการทำ SEO ก็จะสามารถเพิ่มอันดับในหน้าผลการค้นหา (SERPs) เพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพ และปรับปรุงอัตรา Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญ อย่าลืมว่าการทำ SEO ในปี 2024 ไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดอันดับคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ตลอดทั้ง Customer Journey การใช้ข้อมูลจาก GA4 อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ทำสิ่งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เกี่ยวกับ Relevant Audience
พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)
บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com