ต้องเยอะสิถึงจะดี! คอนเทนต์ยิ่งยาวยิ่งทำให้คะแนน SEO ดีขึ้น จริงหรอ?

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
April 11, 2022
Author: Antonio Fernandez
Results Image

“การนับจำนวนคำในคอนเทนต์มีผลต่อการจัดอันดับ SEO หรือไม่?” เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับคนที่กำลังเริ่มทำ SEO ต้องยอมรับว่าในโลกของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Search Engine กลยุทธ์ยอดนิยมสำหรับการเขียนคอนเทนต์คือต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมของ Search Engine อยู่ตลอดเวลา

หลายคนที่กำลังเริ่มต้นทำ SEO อาจเคยเจอคำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มอันดับ SEO ด้วยการให้เพิ่มจำนวนคำในคอนเทนต์ จากผู้เชี่ยวชาญหรือบทความต่างๆ ถึงเวลาที่ต้องทำความเข้าใจกันอย่างจริงจังว่าการนับจำนวนคำมีความสำคัญต่ออันดับของ SEO หรือไม่ 

“การนับจำนวนคำ” เป็น Ranking Factor หรือไม่?

John Mueller ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ Webmaster Trend ของ Google ออกมายืนยันในเรื่องนี้ด้วยตัวเองว่าการนับจำนวนคำไม่ได้เป็นหนึ่งใน Ranking Factor ในการเพิ่มอันดับ SEO โดยระบุว่า “เพียงแค่การเพิ่มข้อความลงในหน้าเว็บไซต์อย่างสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ช่วยให้อันดับ SEO ดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะอัลกอริทึมของกูเกิลจะมองหาเนื้อหาที่มีความเป็นต้นฉบับและมีคุณภาพสูงแทนที่จะเป็นการดูจำนวนคำบนหน้าเว็บ”

ทำไมเนื้อหาแบบ “Long Form” ถึงมีแนวโน้มจะอยู่ในอันดับที่ดี

แม้ว่ากูเกิลจะยืนยันว่าการนับจำนวนคำไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจัดอันดับ SEO แต่ก็ยังคงพบบทความและเครื่องมือมากมายที่พยายามแนะนำให้เพิ่มคำในคอนเทนต์ให้ยาวขึ้น ตัวอย่างเช่นเครื่องมือยอดนิยมของ SEO Specialist อย่าง Yoast และ Clearscope ก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยการนับจำนวนคำ 

แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเหตุผลอยู่สองสามอย่างที่น่าจะช่วยไขข้อสงสัยเรื่องนี้ได้ คือ แม้การนับจำนวนคำจะไม่ได้มีผลโดยตรง แต่ในทางอ้อมการเขียนเนื้อหาที่ยาวขึ้นก็จะช่วยให้อัลกอริทึมของกูเกิลสามารถค้นหาหน้าเว็บได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้หากเนื้อหาของคอนเทนต์มีความยาวที่เหมาะสมและสามารถครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดได้ก็จะทำให้กูเกิลมองว่าคอนเทนต์นี้มีแนวโน้มที่ดีในการนำไปจัดอันดับนั่นเอง

จำนวนคำต้องเยอะแค่ไหนถึงจะเหมาะสม ?

ในตอนนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่จะต้องปฏิบัติตาม คำแนะนำคือสามารถตรวจสอบข้อมูลอินไซด์ต่างๆ บนเว็บไซต์ประกอบเพื่อช่วยกำหนดความสั้นยาวของคอนเทนต์ ตรวจสอบคู่แข่ง หรือวิธีอื่นๆ ดังนี้

การนับจำนวนคำเป็นตัวชี้วัดในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของคอนเทนต์กับคู่แข่งได้ดี หากไม่แน่ใจว่าคอนเทนต์นี้ควรมีความยาวเท่าไหร่หนึ่งในทางที่ดีที่สุดที่จะตรวจสอบความเหมาะสมความสั้น-ยาวของคอนเทนต์ คือการตรวจสอบคู่แข่งที่มีอันดับดีกว่า และนำมาศึกษาเปรียบเทียบดูว่าควรต้องปรับเนื้อหาให้เพิ่มขึ้นหรือลดลง

  • ใช้ Search Intent ช่วยกำหนดความสั้น-ยาว

นอกจากการพิจารณาคู่แข่ง อย่าลืมให้ความสนใจกับ “Search Intent” เสมอ เพราะการมี Search Intent ที่ดีจะช่วยผู้คนรับรู้ได้ว่าคอนเทนต์ไหนที่มีประโยชน์และเหมาะสมต่อพวกเขา ตัวอย่างเช่น หากพวกเขาต้องการข้อมูลที่ครอบคลุม ก็อาจต้องใช้เนื้อหาที่สั้นลงและตรงประเด็นมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า Search Intent สามารถช่วยตัดสินใจว่าจะสร้างความแตกต่างให้กับคอนเทนต์ด้วยการกำหนดความสั้น-ยาวอย่างไร

  • ตรวจสอบข้อมูล

อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลอินไซด์ต่างๆ บนเว็บไซต์เพื่อค้นหาความยาวของคอนเทนต์ที่เหมาะสมที่สุด เพราะการตรวจสอบประสิทธิภาพของ SEO เป็นประจำถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะคอยดูว่า คอนเทนต์บนเว็บไซต์ในตอนนี้เป็นอย่างไร อาจจะมีคอนเทนต์สั้นๆ บางอันที่ไม่ติดอันดับสูงเท่าที่ต้องการ หากเป็นอย่างนี้อาจลองกลับไปที่การทำ Keyword Research และค้นหาวิธีการเพิ่มเนื้อหาให้ยาวขึ้น เป็นต้น

ท้ายที่สุดอาจจะสรุปได้ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับอันดับที่ดีในการทำ SEO นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในที่สุดคอนเทนต์ต้องมีความเหมาะสมในหลายอย่างที่จะสามารถตอบสนองและดึงดูดใจผู้ชม การนับจำนวนคำอาจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักที่สามารถกำหนดการจัดอันดับ SEO ได้ แต่ก็สามารถช่วยให้คอนเทนต์เพิ่มความน่าสนใจต่ออัลกอริทึมของ Search Engine ได้มากขึ้น สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นการทำ SEO สามารถใช้คำแนะนำด้านบนเพื่อเป็นรากฐานที่ดีในการค้นหาความสั้น-ยาวของคอนเทนต์บนเว็บไซต์ได้ แต่จำไว้ว่าในทุกคำของคอนเทนต์ต้องให้คุณค่าที่ดีกับผู้อ่านเสมอ เพราะนั่นคือสิ่งที่ Search Engine ต้องการมากที่สุด

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com 

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
General topics

March 11, 2021

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
เป็นเวลานานหลายปีที่นักการตลาดและบริษัทอีคอมเมิร์ซใช้จ่ายเงินไปกับ Google Search Ads เพื่อให้เว็บไซต์และโฆษณาของตนปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาแบบออร์แกนิก อย่างไรก็ตาม Google ได้ลดระดับ Search Ads ลงหนึ่งขั้น และเพิ่ม “แคมเปญ Google Shopping” ไปยังด้านบนของผลการค้นหา แคมเปญ Google Shopping คืออะไร?...
Google Remarketing Ads คืออะไร
General topics

March 11, 2021

Google Remarketing Ads คืออะไร
คุณเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือไม่? ถ้าใช่ ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณมาถูกที่แล้ว! สถิติ แสดงให้เห็นว่าอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าออนไลน์ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นและปัจจุบันสูงถึง 69.57% เราทุกคนเคยผ่านประสบการณ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ออนไลน์เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วจากไปโดยหวังว่าจะกลับมาในภายหลัง ซึ่งมักจะไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อได้ Dynamic Remarketing คืออะไร? กล่าวอย่างง่ายๆ Dynamic Remarketing คือ Google...
General topics

March 11, 2021

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งประเทศไทยหรือไม่?
[vc_row][vc_column][vc_column_text] PDPA คืออะไร? พระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 PDPA ประเทศไทยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงหรือโดยอ้อม PDPA ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้องเจ้าของข้อมูลจากการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของตน กฎหมายนี้ใช้กับองค์กรส่วนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ...