การตลาดดิจิตอล

รู้จักการทำ Content Mapping คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO!

July 12, 2024Published By: Relevant Audience
Results Image

หนึ่งในส่วนสำคัญของการทำ SEO คือ เนื้อหา (Content) ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เพราะแต่ละคนเข้ามาในเว็บไซต์ด้วยความตั้งใจที่แตกต่างกัน บางคนเข้าเว็บไซต์เป็นครั้งแรก บางคนกำลังหาข้อมูลบริการ ส่วนบางคนก็กำลังตัดสินใจซื้อสินค้าบนเว็บแล้วก็เป็นได้ ซึ่งเราสามารถออกแบบเนื้อหาให้ตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการเหล่านี้ได้ด้วยการทำ Content Mapping หรือการวางแผนเนื้อหาอย่างเป็นระบบนั่นเอง

Content Mapping คือ

Content Mapping คือ กระบวนการจัดการเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละขั้นตอนของการตัดสินใจซื้อ (Buyer’s Journey) ตั้งแต่ขั้นตอนดังนี้

  1. Awareness – การรับสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาหรือ Pain Point
  2. Consideration – การพิจารณาทางเลือกหรือโซลูชันของธุรกิจ
  3. Decision – การตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ

พูดง่ายๆ ว่า การทำ Content Mapping ช่วยให้เราสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงใจผู้อ่านและนำเสนอได้ในจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลดีต่อ SEO เป็นอย่างมาก

ทำไม Content Mapping ถึงสำคัญต่อ SEO

การทำ Content Mapping มีประโยชน์ต่อ SEO หลายประการ ดังนี้:

1. เพิ่มความเกี่ยวข้องของเนื้อหา

เมื่อเราเข้าใจว่าผู้อ่านต้องการอะไรในแต่ละขั้นตอน เราก็สามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงใจและมีประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งตรงกับเป้าหมายของ Google ที่ต้องการแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องที่สุด เมื่อเราเข้าใจว่าผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ต้องการอะไรในแต่ละขั้นตอนของ Buyer’s Journey เราจะสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงใจและมีประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งตรงกับเป้าหมายของ Google ที่ต้องการแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องที่สุด และจะยิ่งจัดอันดับเว็บไซต์ของเราให้สูงขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น หากผู้อ่านอยู่ในขั้นตอน Awareness เราอาจสร้างบทความที่อธิบายถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขต่างๆ แต่หากผู้อ่านอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจซื้อแล้ว เราอาจนำเสนอบทความเชิงเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการของเรากับคู่แข่ง

2. เพิ่ม User Engagement

เนื้อหาที่ตรงใจผู้อ่านย่อมทำให้พวกเขาอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น มีการโต้ตอบมากขึ้น เช่น หากเรามีบทความที่ตอบคำถามของผู้อ่านได้ครบถ้วน พวกเขาก็จะใช้เวลาอ่านนานขึ้น หรืออาจแชร์บทความ คลิกไปยังหน้าอื่นๆ ของเว็บไซต์เรา ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ช่วยให้เว็บไซต์มีอัตรา Bounce Rate ที่ต่ำลง ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อ Google ที่บอกว่า เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพ และตอบโจทย์ User Intent ทำให้อันดับเว็บไซต์มีอันดับสูงขึ้นในที่สุด

3. ปรับปรุงการใช้คีย์เวิร์ด

การทำ Content Mapping ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายใช้ในแต่ละขั้นตอน ทำให้เราสามารถวางแผนการใช้คีย์เวิร์ดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ในขั้นตอน Awareness ผู้อ่านอาจใช้คีย์เวิร์ดเชิงคำถาม เช่น “ทำไมผิวหน้าแห้ง” แต่ในขั้นตอน Decision พวกเขาอาจใช้คีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น “ครีมบำรุงผิวหน้าแห้งยี่ห้อไหนดี” โดยจะช่วยให้ SEO Content Writer สามารถเลือก Keyword รวมถึงออกแบบบทความได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้นด้วย

4. สร้างโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี

การวาง Content Mapping อย่างเป็นระบบช่วยให้เราออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่เป็นระเบียบ ง่ายต่อการใช้งาน และง่ายต่อการทำความเข้าใจของ Search Engine เช่น เราอาจจัดกลุ่มเนื้อหาตาม Customer Journey โดยมีหน้าหลักสำหรับแต่ละขั้นตอน และมีหน้าย่อยที่ให้ข้อมูลเชิงลึกในแต่ละประเด็น ซึ่งโครงสร้างแบบนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้อ่านค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยให้ Google Bot เข้าใจความสัมพันธ์ของเนื้อหาบนเว็บไซต์เราได้ดีขึ้นด้วย

5. ช่วยในการอัพเดตเนื้อหา

เมื่อเรามีแผนที่เนื้อหาที่ชัดเจน เราจะเห็นได้ว่าส่วนไหนของเว็บไซต์ที่ต้องการการอัพเดตหรือเพิ่มเติม เพราะอย่างที่หลายคนทราบดีว่า การอัพเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาอันดับ Ranking เช่น หากเราพบว่าเนื้อหาแนะนำบริการหรือสินค้าเป็นเวอร์ชันเก่า ไม่ครอบคลุมข้อมูลปัจจุบัน เราก็สามารถวางแผนสร้างเนื้อหาใหม่เพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้นได้นั่นเอง

วิธีทำ Content Mapping อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำ Content Mapping ที่ดีนั้น สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วย 6 ขั้นตอนดังนี้:

1. กำหนด Buyer Personas

เริ่มจากการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายด้วย Buyer Personas โดยรวบรวมข้อมูลทั้งด้าน Demographic พฤติกรรม ความสนใจ และปัญหาที่เหล่าลูกค้าพบเจอ

ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีแบรนด์ขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เราอาจกำหนด Buyer Persona ดังนี้:

  • ชื่อ: คุณฟ้า
  • อายุ: 35 ปี
  • อาชีพ: พนักงานออฟฟิศ
  • ปัญหาที่มี: ผิวแห้ง เกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • ความสนใจ: ดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย
  • พฤติกรรมการซื้อ: ชอบอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมธรรมชาติ

การสร้าง Buyer Persona แบบนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าควรสร้างเนื้อหาแบบไหนที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณฟ้าได้

2. วิเคราะห์ Buyer’s Journey

ศึกษาเส้นทางการตัดสินใจซื้อของลูกค้า โดยทั่วไปแล้วจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ

  • การรับรู้ (Awareness): ในขั้นตอนนี้ คุณฟ้าอาจกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาผิวแห้งและริ้วรอย เนื้อหาที่เหมาะสมอาจเป็นบทความเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาผิวแห้งและวิธีการดูแลผิวเบื้องต้น
  • อายุ: 35 ปี
  • การพิจารณา (Consideration): คุณฟ้าเริ่มมองหาวิธีแก้ปัญหา เนื้อหาที่เหมาะสมอาจเป็นการเปรียบเทียบระหว่างวิธีการดูแลผิวแบบต่างๆ หรือประเภทของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
  • การตัดสินใจ (Decision): คุณฟ้าพร้อมที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ เนื้อหาที่เหมาะสมอาจเป็นรีวิวผลิตภัณฑ์ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับส่วนผสม หรือโปรโมชั่นพิเศษ

3. จัดหมวดหมู่เนื้อหาที่มีอยู่

ขั้นตอนต่อมา ให้นำเนื้อหาที่เว็บไซต์ของเรามีอยู่แล้วมาจัดหมวดหมู่ตามลำดับ Funnel ดังนี้

  • Top of the Funnel (TOFU): เช่น บทความ “10 สาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งโดยไม่รู้ตัว”
  • Middle of the Funnel (MOFU): เช่น บทความ “เปรียบเทียบ 5 วิธีดูแลผิวแห้งที่ได้ผลจริง”
  • Bottom of the Funnel (BOFU): เช่น รีวิว “ผลลัพธ์หลังใช้ครีมบำรุงผิวสูตร X เป็นเวลา 1 เดือน”

4. ปรับแต่งการใช้คีย์เวิร์ด

ต่อมาให้ลองทำ Keyword Research เพิ่มเติมและปรับแต่งการใช้คีย์เวิร์ดในแต่ละหน้าให้เหมาะสม โดยเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับความตั้งใจในการค้นหา (Search Intent) ของ User ในแต่ละขั้นตอน เช่น

  • TOFU: “สาเหตุผิวแห้ง”, “วิธีแก้ปัญหาผิวแห้ง”
  • MOFU: “ครีมบำรุงผิวแห้ง”, “วิธีเลือกครีมบำรุงผิว”
  • BOFU: “รีวิวครีมบำรุงผิว [ชื่อแบรนด์]”, “โปรโมชั่นครีมบำรุงผิว”

5. อัปเดต Internal Link ให้เหมาะสม

แทรก Internal Link ที่เกี่ยวข้องกันกับบทความ โดยคำนึงถึง Customer Journey เช่น ลิงก์จากบทความ TOFU ไปยังเนื้อหา MOFU และ BOFU ตามลำดับ เพื่อนำทางผู้อ่านไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด เพราะการเชื่อมโยง Internal Link ไม่เพียงช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยกระจาย Link Juice ภายในเว็บไซต์ ซึ่งเป็นผลดีต่อ SEO

6. วิเคราะห์ Content Gap ของเนื้อหา

หลังจากจัดหมวดหมู่และปรับแต่งเนื้อหาที่มีอยู่อย่างครบถ้วนแล้ว ให้ลองวิเคราะห์เพิ่มเติมว่ายังมี Content Gap หรือเนื้อหาตรงไหนที่ยังไม่ตอบโจทย์ User บ้าง เช่น คำถามที่เรายังไม่ได้ตอบ หรือหัวข้อที่อธิบายไม่ได้ครอบคลุม โดยอาจวางแผนสร้างเนื้อหาหรือบทความใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้

สรุป การทำ Content Mapping เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการยกระดับการทำ SEO ด้วยการวางแผนเนื้อหาอย่างเป็นระบบ เราจะสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ตอบโจทย์ความต้องการในทุกขั้นตอนของ Buyer’s Journey และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่ออันดับของเว็บไซต์ในระยะยาว ทั้งนี้ Content Mapping ไม่ใช่งานที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและปรับปรุงอยู่เสมอ ติดตามผลลัพธ์ วิเคราะห์ข้อมูล และปรับแต่งกลยุทธ์ SEO อย่างสม่ำเสมอ

เกี่ยวกับ Relevant Audience

พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)

บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์

โทร.: 02-038-5055

อีเมล: info@relevantaudience.com

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

July 24, 2024

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
WordPress hooks คืออะไร? ในวงการเว็บไซต์ พูดได้ว่า WordPress เป็นหนึ่งในระบบ Content Management (CMS) ที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งมี Market Share มากกว่า 60% ทั่วโลก เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะจำนวน Plugin แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่มีให้เลือกใช้งานจำนวนมาก...
อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
โฆษณา Google Ads

July 24, 2024

อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
ในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกวงการ วงการโฆษณาออนไลน์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Google Ads ที่กำลังนำ AI มาใช้ในการพัฒนาระบบโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักการตลาดออนไลน์? แล้วเราจะปรับตัวกับโฆษณา AI อย่างไรในก้าวทันคู่แข่ง? ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายถึงผลกระทบของโฆษณา AI ต่อแคมเปญ PPC โดยรวม...
Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 23, 2024

Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
คอนเทนต์ตามกระแส หรือเทรนด์เป็นรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกดิจิทัล เนื่องจากมักสร้างการมีส่วนร่วม และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์นิยมใช้เพื่อค้นหาและติดตามกระแส คือ Google Trends ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า Google Trends คืออะไร และจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างคอนเทนต์อย่างไรให้ตอบโจทย์การทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเจาะลึกเทคนิคการใช้เทรนด์เพื่อยกระดับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ Google Trends คืออะไร...
Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 22, 2024

Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การทำ Digital Marketing หรือตลาดดิจิทัลกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร แล้วเครื่องมือที่ช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์เหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือ Martech หรือ Marketing Technology นั่นเอง วันนี้เรามาทำความรู้จักกันว่า Martech คืออะไร? มีรูปแบบอย่างไรบ้าง? และอีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะมาแชร์คือ Martech สามารถช่วยยกระดับการทำ SEO...