อินสตาแกรมอัปเดตเพิ่มเติมให้กับฟีเจอร์ “Sensitive Content Control”

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
June 8, 2022
Author: Antonio Fernandez
Results Image

ใครที่ใช้งานโซเชียลมีเดียกันเป็นประจำ คงพอทราบถึงเทรนด์มาแรงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สำหรับกระแสที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาคอนเทนต์ใดๆ ก็ตามที่ละเอียดอ่อนหรือส่อเสียดให้เกิดการกระทบกระทั่งต่อร่างกายและจิตใจต่อผู้อื่น โดยมากมักจะถูกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใช้มาตรการลดการมองเห็นหรือบางแพลตฟอร์มอาจจะใช้ไม้หนักคือแบนเนื้อหาเหล่านี้ไปเลย แน่นอนว่าหลายคนที่ใช้อินสตาแกรมกันเป็นประจำเชื่อว่าก็คงเคยเห็นอัปเดตผ่านตาไปบ้างสำหรับฟีเจอร์ “การควบคุมเนื้อหาละเอียดอ่อน (Sensitive Content Control)” ที่ถูกปล่อยให้ออกมาให้ใช้งานกันอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมา

ล่าสุดอินสตาแกรมได้ออกมาประกาศถึงการอัปเดตเพิ่มเติมให้กับฟีเจอร์ Sensitive Content Control นี้ โดยระบุว่าจะยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีมากขึ้นด้วยการอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการมองเห็นเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้ให้มากขึ้น รายละเอียดจะเป็นอย่างไร แล้วจะมีผลอะไรกับนักการตลาดสายคอนเทนต์บ้าง มาดูไปพร้อมกัน

ฟีเจอร์ Sensitive Content Control คืออะไร

สำหรับฟีเจอร์ Sensitive Content Control ที่ได้ปล่อยให้ใช้งานกันตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของอินสตาแกรมกับเรื่องความรู้สึกของคนต่อเนื้อหาละเอียดอ่อนเหล่านี้ โดยจะเป็นการอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกลดการมองเห็นเนื้อหาที่จะให้ปรากฏเฉพาะในหน้า Explorer เท่านั้น  

โดยวิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Sensitive Content Control ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. ไปที่หน้า Profile
  2. คลิกที่สัญลักษณ์ ขีดสามขีดด้านขวาบน จากนั้นให้เลือก Setting
  3. เลือก Account 
  4. เลือก “Sensitive Content Control” 
  5. จากนั้นสามารถตั้งค่าได้ทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน โดยจะมีสถานะเริ่มต้นอยู่ที่จำกัด หากต้องการปรับให้ดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนบางประเภทเพิ่มเติมได้ หรืออยากลดให้น้อยกว่านั้นก็สามารถปรับได้ตามความต้องการ (สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้)

เนื้อหาที่ละเอียดอ่อนจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานอย่างไร?

สำหรับนักการตลาดสายคอนเทนต์ที่กำลังวางแผนการตลาดบนแพลตฟอร์มอินสตาแกรมอาจจะมีคำถามในใจว่า “คอนเทนต์แบบไหนจะถูกมองว่าเป็นคอนเทนต์ที่เซนซิทีฟ” จริงๆ แล้วอินสตาแกรมมีการนิยามเนื้อหาประเภทนี้เอาไว้ว่า “แม้ว่าคอนเทนต์นั้นจะไม่ได้ละเมิดข้อกำหนดใดๆ ของอินสตาแกรม แต่ถ้าสร้างความรู้สึกไม่สบายใจต่อบุคคลอื่นก็อาจจะถูกนับว่าเป็น Sensitive Content ได้”  ซึ่งรวมไปถึงเนื้อหาประเภทที่

ฉะนั้นนักการตลาดท่านใดที่ถือครองคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาสุ่มเสี่ยงจะดูเหมือนกับข้อความข้างต้นนี้ ก็อาจต้องนำกลับมาเช็กกันอีกสักรอบเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเพื่อไม่ให้คอนเทนต์ที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงต้องเสียยอด Reach ไปโดยเปล่าประโยชน์ 

อัปเดตใหม่บนฟีเจอร์ Sensitive Content Control

ล่าสุดอินสตาแกรมได้ประกาศแนวทางในการอัปเดตฟีเจอร์ Sensitive Content Control โดยจะเป็นการยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้นด้วยการปรับลดการมองเห็นเนื้อหาเหล่านี้ให้ครอบคลุมทุกช่องทางบนแพลตฟอร์ม ซึ่งแต่เดิมจะถูกจำกัดการมองเห็นเนื้อหาเหล่านี้เฉพาะแค่เพียงหน้า Explorer เท่านั้น แต่ในครั้งนี้จะเป็นการขยายขอบเขตเพิ่มเติมทั้งในหน้า Search, หน้า Reels, หน้า Accounts You Might Follow, หน้า Hashtag Pages และหน้า In-Feed Recommendation 

นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนชื่อระดับการมองเห็นซึ่งหากดูในรูปภาพด้านบนจะพบว่าแต่เดิมจะมีให้เลือก 3 ระดับโดยใช้เป็น Allow, Limit (Default) และ Limit Even More ซึ่งอัปเดตใหม่นี้จะถูกเปลี่ยนเป็น

  • More สำหรับฟังก์ชันนี้ก็จะมาแทนที่ Allow ซึ่งจะเป็นการอนุญาตในการดูเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนบางประเภทเพิ่มเติมได้
  • Standard จะมาแทน Limit ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งจะเป็นการจำกัดเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนบางประเภท
  • Less จะมาแทน Limit Even More ที่จะเป็นการจำกัดเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนมากกว่า Standard 

(สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่สามารถใช้ตัวเลือก More ได้เช่นเคย)

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วลองกดเข้าไปตั้งค่ากันดูแล้วพบว่าทำไมยังเห็นชื่อหรือหน้าตาที่คล้ายกับภาพตัวอย่างก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะอัปเดตใหม่นี้จะเริ่มปล่อยให้ใช้งานพร้อมกันทุกคนภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า   

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com 

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com 

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
General topics

March 11, 2021

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
เป็นเวลานานหลายปีที่นักการตลาดและบริษัทอีคอมเมิร์ซใช้จ่ายเงินไปกับ Google Search Ads เพื่อให้เว็บไซต์และโฆษณาของตนปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาแบบออร์แกนิก อย่างไรก็ตาม Google ได้ลดระดับ Search Ads ลงหนึ่งขั้น และเพิ่ม “แคมเปญ Google Shopping” ไปยังด้านบนของผลการค้นหา แคมเปญ Google Shopping คืออะไร?...
Google Remarketing Ads คืออะไร
General topics

March 11, 2021

Google Remarketing Ads คืออะไร
คุณเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือไม่? ถ้าใช่ ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณมาถูกที่แล้ว! สถิติ แสดงให้เห็นว่าอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าออนไลน์ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นและปัจจุบันสูงถึง 69.57% เราทุกคนเคยผ่านประสบการณ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ออนไลน์เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วจากไปโดยหวังว่าจะกลับมาในภายหลัง ซึ่งมักจะไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อได้ Dynamic Remarketing คืออะไร? กล่าวอย่างง่ายๆ Dynamic Remarketing คือ Google...
General topics

March 11, 2021

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งประเทศไทยหรือไม่?
[vc_row][vc_column][vc_column_text] PDPA คืออะไร? พระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 PDPA ประเทศไทยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงหรือโดยอ้อม PDPA ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้องเจ้าของข้อมูลจากการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของตน กฎหมายนี้ใช้กับองค์กรส่วนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ...