ในปี 2022 นี้การแข่งขันทางการตลาดบนโลกออนไลน์มีแต่สูงขึ้นอย่างไม่มีท่าทีว่าจะชะลอลงแต่อย่างใด แบรนด์ที่มีสินค้าคุณภาพดีและการให้บริการน่าประทับใจไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้นกลยุทธ์การ ”สร้างแบรนด์” จึงกลายมาเป็น First-Priority แรกในการก้าวไปสู่ความสำเร็จของการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามการสร้างแบรนด์ไม่ได้มีเพียงโลโก้ที่ถูกออกแบบ หรือรูปแบบฟอนต์ที่คุณเลือกใช้เท่านั้น แต่การสร้างแบรนด์เปรียบได้กับการบอกเล่าเรื่องราวให้กับกลุ่มลูกค้าของคุณรู้โดยอิงจากประสบการณ์ดีๆ ที่แบรนด์คุณสามารถมอบให้ได้ อาจเปรียบได้กับเป็นปรัชญาและวัฒนธรรมที่แบรนด์ยึดมั่นถือมั่น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ามีความรู้สึกสนใจในแบรนด์มากขึ้น แน่นอนว่าการสร้างแบรนด์ให้ดีไม่สามารถสร้างขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ฉะนั้นในบทความนี้จะพามาดู 6 สถิติที่น่าสนใจที่เป็นส่วนสำคัญที่สามารถทำให้แบรนด์เติบโตไปได้อย่างยั่งยืน สถิติเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อมกัน
1. ความเป็น “Authenticity” ของแบรนด์
ในปัจจุบันความเป็น Authenticity หรือแบรนด์ที่มีลักษณะเป็นแบบออริจินัล เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากกับการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน เนื่องจากความคาดหวังของผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการให้สินค้าหรือบริการที่พวกเขาเลือกใช้มีความน่าเชื่อถือให้มากที่สุด ซึ่งความเป็น Authentic หรือใครจะเรียกว่าความเป็น “แก่นแท้” ของแบรนด์ก็ได้ โดยจะต้องเกิดขึ้นจากแนวคิดที่สอดคล้องไปกับตัวตนของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการทำแคมเปญเพื่อโปรโมตสินค้าหรือบริการ ก็ต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของแบรนด์ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของ Stackla พบว่าผู้บริโภคมากกว่า 88% พูดตรงกันว่าหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจว่าจะซัพพอร์ตแบรนด์หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์นั้นมีความ Authenticity มากน้อยแค่ไหน
2. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์
แน่นอนว่าเมื่อผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ นั่นหมายความว่าพวกเขาไว้วางใจต่อแบรนด์นั้นอย่างแท้จริง จากผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาพบว่า 46% ของผู้บริโภคมีโอกาสที่จะจ่ายเงินมากกับแบรนด์ที่พวกเขาสามารถเชื่อใจหรือวางใจได้
ความหมายคือเมื่อแบรนด์สามารถสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคได้แล้ว ผลตอบแทนที่แบรนด์จะได้รับก็คือกำไรจากยอดขายสินค้าหรือบริการที่เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง ฉะนั้นในระยะยาวหากแบรนด์สามารถสร้างความไว้วางใจนี้ให้เกิดขึ้นกับฐานลูกค้าก็จะช่วยให้แบรนด์ได้รับผลตอบรับกลับมาอย่างคาดไม่ถึงแน่นอน
3. เลือกใช้สีเพื่อช่วยการจดจำแบรนด์
เมื่อพูดถึงการตลาดออนไลน์ เรื่องของ ”สี” เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อวิธีในการที่ผู้คนรับรู้แบรนด์ของคุณ โดยการวิจัยโดย Reboot พบว่าการใช้สีที่สามารถบ่งบอกตัวตนของแบรนด์จะสามารถเพิ่มการจดจำแบรนด์แก่ลูกค้าได้ถึง 80%
ผู้เชี่ยวชาญในด้านการตลาดออนไลน์หลายคนให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่าการเลือกใช้สีจะช่วยให้ผู้รับชมรู้สึกถึงอารมณ์กระตุ้นบางอย่าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากในการเชื่อมต่อแบรนด์และผู้บริโภค ลองนึกภาพตามว่าเวลาคุณได้เห็นสีเหลืองแดงก็ต้องมีภาพของร้าน McDonalds ลอยมาในหัวแน่ๆ หรือถ้าเป็นสีเหลืองฟ้าก็ต้องเป็นภาพป้ายของร้านขายเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังอย่าง Ikea
4. First Impression เป็นเรื่องสำคัญ
ถ้าคุณเชื่อในรักแรกพบ ผู้บริโภคก็เชื่อในความประทับใจแรกเห็นเช่นกัน สถิติจาก 8ways ระบุว่า ผู้คนใช้เวลาเพียงแค่ 0.05 วินาทีเท่านั้นในการออกความคิดเห็นต่อเว็บไซต์เพียงแรกเห็น พูดง่ายๆ ว่า ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้คนเข้ามาพบเห็นแบรนด์นั่นคือช่วงเวลาที่มีความสำคัญมากที่แบรนด์จะต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ หรือสามารถจดจำแบรนด์ได้ตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้สี แบบอักษร จำนวนข้อความ ระยะห่าง โลโก้และอื่นๆ พูดง่ายๆ ว่าถ้าหากต้องการให้แบรนด์สร้างความประทับใจแรกที่ดีต่อลูกค้า ก็อย่าลืมปรับปรุงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้สามารถบ่งบอกตัวตนแบรนด์ได้นั่นเอง
5. ”ความโปร่งใส” ต้องมาก่อน
ในยุคที่การทวิต เขียนรีวิว สามารถดังหรือกลายเป็นประเด็นไวรัล (Viral) ได้ในชั่วข้ามคืน ทำให้ปัจจัยด้านความโปร่งใส (Transparency) ของแบรนด์กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ของโลกธุรกิจในปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ วิธีปฏิบัติต่อพนักงาน และเรื่องที่เกิดขึ้นภายในหลังบ้านของแบรนด์ จากการสำรวจโดย Accenture Strategy พบว่า 66% ของผู้บริโภคคิดว่าความโปร่งใสของแบรนด์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการดึงดูดให้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ พูดง่ายๆ ว่า ความโปร่งใสของแบรนด์กลายเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อใจและความจงรักภักดีต่อแบรนด์ให้สูงมากขึ้น ฉะนั้นหากแบรนด์ต้องการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค การแสดงความจริงใจไม่เพียงแต่ช่วยรักษาฐานลูกค้าเดิม แต่ยังช่วยดึงดูดฐานลูกค้าใหม่ๆ อีกด้วย
6. แบรนด์ต้องรู้จักยึดโยงกับประเด็นทางสังคม
แม้ในประเทศไทยจะยังไม่มีการสำรวจแบรนด์ต่างๆ ในเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่จากการสำรวจโดย Edelman ของสหรัฐอเมริกาในปี 2019 พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการให้แบรนด์แสดงจุดยืนในประเด็นทางสังคมหรือการเมืองมากขึ้น และ 64% ของผู้บริโภคกล่าวว่าพวกเขาจะตัดสินใจสนับสนุนแบรนด์หรือเลือกที่จะคว่ำบาตรแบรนด์เพียงเพราะจุดยืนทางสังคมหรือการเมือง นอกเหนือจากประเด็นการเมือง ก็ยังมีประเด็นอื่นๆ อย่างเช่น วาระทางสังคมอื่นๆ ที่อ่อนไหว สิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน ความหลากหลายทางเพศ ไปจนถึงเรื่องปากท้องและสิ่งแวดล้อม
แต่ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์จะสามารถพูดในสิ่งที่ขัดกับตัวตนเพื่อเลือกที่จะเอาใจลูกค้าเพื่อหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อแบรนด์ได้ อย่าลืมว่าหากมีการแสดงความคิดเห็นที่ขาดความเข้าใจและไม่ระมัดระวังมากพอ ก็เป็นไปได้ว่าอาจเสี่ยงถูกผู้บริโภคบอยคอตต์ภายในชั่วข้ามคืน ฉะนั้นแบรนด์ต้องรู้จักที่จะไหลไปตามกระแสอย่างฉลาด หากต้องการผลลัพธ์ที่ดี
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com