ในงาน Google Cloud Next 2022 Conference กูเกิลได้ประกาศรวมสองเครื่องมือที่เป็นผลิตภัณฑ์จาก Google เข้าด้วยกัน คือทั้ง Data Studio และ Looker Studio โดยทั้งสองเครื่องมือนี้มีฟีเจอร์ที่สำคัญคือแดชบอร์ด (Dashboard) ที่ช่วยในการแสดงผลสำหรับการทำงานร่วมกับข้อมูลจากแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมไปถึงมีฟีเจอร์บางประเภทที่สามารถใช้งานเป็นแพลตฟอร์มข้อมูล CDP ได้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่เคยใช้งาน Google Data Studio และมีความรู้สึกสงสัยว่าจะยังสามารถใช้งานได้ฟรีอยู่หรือเปล่า แล้วตัว Looker Studio ที่ปกติมีเวอร์ชันเสียเงินจะเป็นอย่างไรเมื่อถูกนำมารวมกัน ในบทความนี้ Relevant Audience ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญๆ มาให้ทุกคนรู้ไปพร้อมกันแล้ว ไปดูกันเลย
Data Studio และ Looker Studio คืออะไร
สำหรับนักการตลาดสาย Google Ads คงจะคุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่สามารถช่วยให้เชื่อมต่อแหล่งข้อมูลจากแพลตฟอร์มอื่นๆ และนำมาสร้างแดชบอร์ดที่ช่วยให้การทำงานสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงอาจมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟข้อมูลต่างๆ แน่นอนว่าหลายคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้วกับ Google Data Studio ที่เป็นเครื่อง Google Marketing Platform ของกูเกิลที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือนักการตลาด ส่วน Looker เป็นเครื่องมือประเภท BI (Business Inteligent) ที่โดนกูเกิลเข้า Take Over ในปี 2020 ไปด้วยมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีฟังก์ชันการทำงานที่คล้ายกับตัว Data Studio แต่จะมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับกลุ่มธุรกิจในระดับองค์กรมากกว่า
โดยข้อแตกต่างสำคัญของตัว Google Data Studio และ Looker มีด้วยกัน ดังนี้
- ราคา – Data Studio หากมีบัญชีกูเกิลสามารถใช้บริการได้ฟรี แต่ Looker จะต้องเสียค่าใช้จ่ายตามแพลนที่ต้องการ โดยมีราคาค่อนข้างสูง เพราะถูกออกแบบมาให้ใช้งานในระดับองค์กร
- การรวมแหล่งข้อมูล – Data Studio สามารถดึงข้อมูลจากเครือข่ายต่างๆ ของกูเกิลได้ทั้งหมด รวมไปถึง Partner อย่าง Adobe Analytics Jason และ Facebook ซึ่งแตกต่างจาก Looker ที่รองรับข้อมูลในรูปของ SQL เท่านั้น หากต้องการใช้ข้อมูลในรูปแบบอื่นจะต้องทำการแปลงให้อยู่ในรูปของ SQL เสียก่อน
- การปรับใช้ – Data Studio จะสามารถใช้งานบนเบราว์เซอร์เท่านั้น และจำเป็นจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เพราะข้อมูลจะถูกเก็บไว้บนคลาวด์ ในขณะที่ Looker สามารถใช้ Server ขององค์กรแทนการเก็บข้อมูลบน Cloud Platform ได้
- การสร้าง Dashboard – ในการปรับแต่งฟิลด์ข้อมูลของ Data Studio จะเป็นการปรับแต่งฟิลด์ข้อมูลดิบที่ได้จากแหล่งข้อมูลเพื่อรองรับการใช้งานที่เหมาะสมกับธุรกิจ แต่ของ Looker จะเป็นการสร้างแดชบอร์ดขึ้นมาให้อัตโนมัติจากนั้นสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามต้องการ
- ฟีเจอร์การวิเคราะห์ – บน Data Studio จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยจำแนกข้อมูล การวิวเคราะห์ความถดถอย การพยากรณ์อนุกรมเวลา เป็นต้น ในขณะที่ Looker จะมี Machine Learning Model ที่สามารถติดตั้งได้ตามจุดประสงค์ของการใช้งาน
- การนำข้อมูลไปใช้ – รูปแบบของไฟล์ในการดาวน์โหลดของ Data Studio จะเป็นไฟล์ทั้งแบบ CSV และ Google Sheet มีข้อจำกัดข้อมูลจากตารางไม่เกิน 750,000 แถวต่อข้อมูล 1 ชุด ส่วน Looker สามารถนำข้อมูลเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยจะต้องอาศัยการเชื่อมต่อผ่าน Looker API เช่น ผู้ให้บริการด้าน Email Marketing, SMS รวมไปถึง Google Ads และ Facebook
จะเห็นได้ว่าทั้งตัว Data Studio และ Looker ต่างมีข้อจำกัดที่อาจสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้งานบ้างเล็กน้อย และนั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่กูเกิลตัดสินใจทำการรีแบรนด์ตัว Data Studio และ Looker ให้กลายเป็น Looker Studio แบบเต็มตัว
Google รีแบรนด์ Data Studio เปลี่ยนเป็น Looker Studio
เมื่อต้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา กูเกิลได้ประกาศการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของเครื่องมือประเภท Business Inteligence (BI) อย่าง Data Studio และ Looker โดยนำทั้งสองเครื่องมือนี้ผนวกรวมมาไว้ด้วยกัน โดยเรียกชื่อใหม่ว่า Looker Studio โดยอนุญาตให้แบรนด์หรือนักการตลาดที่ชื่นชอบฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใช้งานบน Data Studio สามารถใช้งานได้ฟรีเช่นเดียวกัน ในขณะที่กลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กรที่ต้องการฟีเจอร์ต่างๆ บนตัว Looker ก็มีแผนรองรับการชำระเงินเพื่ออัปเกรดไปใช้งานตัว Looker Studio Pro ที่จะมีฟีเจอร์ Enterprise Management เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานในระบบ SLA นั่นเอง
ทิ้งท้าย
ต้องบอกว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องน่าตกอกตกใจหรือคอขาดบาดตาย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ากูเกิลนั้นมีการพัฒนาและอัปเดตผลิตภัณฑ์ให้รองรับความต้องการของผู้ใช้งานอยู่เสมอ การรีแบรนด์เครื่องมือของตัวเองก็เป็นหนึ่งในวิธีการช่วยให้การทำงานของนักการตลาดหรือแบรนด์มีความสะดวกสบายมากขึ้น อย่างที่บอกว่า Looker Studio นั้นสามารถรองรับการใช้งานได้ในทุกระดับ หากเป็นผู้เริ่มต้นก็สามารถใช้งานในเวอร์ชันฟรีได้เหมือนเดิม แต่หากเป็นกลุ่มธุรกิจในระดับที่ใหญ่ขึ้น ก็สามารถอัปเกรดแพลนไปเป็นตัว Looker Studio Pro ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
Source: SEJ
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com