Table of Contents

  • ราคา Data Studio หากมีบัญชีกูเกิลสามารถใช้บริการได้ฟรี แต่ Looker จะต้องเสียค่าใช้จ่ายตามแพลนที่ต้องการ โดยมีราคาค่อนข้างสูง เพราะถูกออกแบบมาให้ใช้งานในระดับองค์กร
  • การรวมแหล่งข้อมูล – Data Studio สามารถดึงข้อมูลจากเครือข่ายต่างๆ ของกูเกิลได้ทั้งหมด รวมไปถึง Partner อย่าง Adobe Analytics Jason และ Facebook ซึ่งแตกต่างจาก Looker ที่รองรับข้อมูลในรูปของ SQL เท่านั้น หากต้องการใช้ข้อมูลในรูปแบบอื่นจะต้องทำการแปลงให้อยู่ในรูปของ SQL เสียก่อน
  • การปรับใช้ – Data Studio จะสามารถใช้งานบนเบราว์เซอร์เท่านั้น และจำเป็นจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เพราะข้อมูลจะถูกเก็บไว้บนคลาวด์ ในขณะที่ Looker สามารถใช้ Server ขององค์กรแทนการเก็บข้อมูลบน Cloud Platform ได้
  • การสร้าง Dashboard  – ในการปรับแต่งฟิลด์ข้อมูลของ Data Studio จะเป็นการปรับแต่งฟิลด์ข้อมูลดิบที่ได้จากแหล่งข้อมูลเพื่อรองรับการใช้งานที่เหมาะสมกับธุรกิจ แต่ของ Looker จะเป็นการสร้างแดชบอร์ดขึ้นมาให้อัตโนมัติจากนั้นสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามต้องการ
  • ฟีเจอร์การวิเคราะห์ – บน Data Studio จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยจำแนกข้อมูล การวิวเคราะห์ความถดถอย การพยากรณ์อนุกรมเวลา เป็นต้น ในขณะที่ Looker จะมี Machine Learning Model ที่สามารถติดตั้งได้ตามจุดประสงค์ของการใช้งาน
  • การนำข้อมูลไปใช้ – รูปแบบของไฟล์ในการดาวน์โหลดของ Data Studio จะเป็นไฟล์ทั้งแบบ CSV และ Google Sheet มีข้อจำกัดข้อมูลจากตารางไม่เกิน 750,000 แถวต่อข้อมูล 1 ชุด ส่วน Looker สามารถนำข้อมูลเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยจะต้องอาศัยการเชื่อมต่อผ่าน Looker API เช่น ผู้ให้บริการด้าน Email Marketing, SMS รวมไปถึง Google Ads และ Facebook 

ในงาน Google Cloud Next 2022 Conference กูเกิลได้ประกาศรวมสองเครื่องมือที่เป็นผลิตภัณฑ์จาก Google เข้าด้วยกัน คือทั้ง Data Studio และ Looker Studio โดยทั้งสองเครื่องมือนี้มีฟีเจอร์ที่สำคัญคือแดชบอร์ด (Dashboard) ที่ช่วยในการแสดงผลสำหรับการทำงานร่วมกับข้อมูลจากแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมไปถึงมีฟีเจอร์บางประเภทที่สามารถใช้งานเป็นแพลตฟอร์มข้อมูล CDP ได้อีกด้วย 

สำหรับผู้ที่เคยใช้งาน Google Data Studio และมีความรู้สึกสงสัยว่าจะยังสามารถใช้งานได้ฟรีอยู่หรือเปล่า แล้วตัว Looker Studio ที่ปกติมีเวอร์ชันเสียเงินจะเป็นอย่างไรเมื่อถูกนำมารวมกัน ในบทความนี้ Relevant Audience ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญๆ มาให้ทุกคนรู้ไปพร้อมกันแล้ว ไปดูกันเลย

Data Studio และ Looker Studio คืออะไร

สำหรับนักการตลาดสาย Google Ads คงจะคุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่สามารถช่วยให้เชื่อมต่อแหล่งข้อมูลจากแพลตฟอร์มอื่นๆ และนำมาสร้างแดชบอร์ดที่ช่วยให้การทำงานสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงอาจมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟข้อมูลต่างๆ แน่นอนว่าหลายคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้วกับ Google Data Studio ที่เป็นเครื่อง Google Marketing Platform ของกูเกิลที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือนักการตลาด ส่วน Looker เป็นเครื่องมือประเภท BI (Business Inteligent) ที่โดนกูเกิลเข้า Take Over ในปี 2020 ไปด้วยมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีฟังก์ชันการทำงานที่คล้ายกับตัว Data Studio แต่จะมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับกลุ่มธุรกิจในระดับองค์กรมากกว่า 

โดยข้อแตกต่างสำคัญของตัว Google Data Studio และ Looker มีด้วยกัน ดังนี้

จะเห็นได้ว่าทั้งตัว Data Studio และ Looker ต่างมีข้อจำกัดที่อาจสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้งานบ้างเล็กน้อย และนั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่กูเกิลตัดสินใจทำการรีแบรนด์ตัว Data Studio และ Looker ให้กลายเป็น Looker Studio แบบเต็มตัว

Google รีแบรนด์ Data Studio เปลี่ยนเป็น Looker Studio 

เมื่อต้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา กูเกิลได้ประกาศการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของเครื่องมือประเภท Business Inteligence (BI) อย่าง Data Studio และ Looker โดยนำทั้งสองเครื่องมือนี้ผนวกรวมมาไว้ด้วยกัน โดยเรียกชื่อใหม่ว่า Looker Studio โดยอนุญาตให้แบรนด์หรือนักการตลาดที่ชื่นชอบฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใช้งานบน Data Studio สามารถใช้งานได้ฟรีเช่นเดียวกัน ในขณะที่กลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กรที่ต้องการฟีเจอร์ต่างๆ บนตัว Looker ก็มีแผนรองรับการชำระเงินเพื่ออัปเกรดไปใช้งานตัว Looker Studio Pro ที่จะมีฟีเจอร์ Enterprise Management เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานในระบบ SLA นั่นเอง

ทิ้งท้าย

ต้องบอกว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องน่าตกอกตกใจหรือคอขาดบาดตาย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ากูเกิลนั้นมีการพัฒนาและอัปเดตผลิตภัณฑ์ให้รองรับความต้องการของผู้ใช้งานอยู่เสมอ การรีแบรนด์เครื่องมือของตัวเองก็เป็นหนึ่งในวิธีการช่วยให้การทำงานของนักการตลาดหรือแบรนด์มีความสะดวกสบายมากขึ้น อย่างที่บอกว่า Looker Studio นั้นสามารถรองรับการใช้งานได้ในทุกระดับ หากเป็นผู้เริ่มต้นก็สามารถใช้งานในเวอร์ชันฟรีได้เหมือนเดิม แต่หากเป็นกลุ่มธุรกิจในระดับที่ใหญ่ขึ้น ก็สามารถอัปเกรดแพลนไปเป็นตัว Looker Studio Pro ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

Source: SEJ

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.