หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ไม่ว่าจะพูดจะบอก จะซื้อจะขาย ก็ต้องอีเมลเอาไว้ก่อน” จริงๆ แล้วอีเมลเครื่องมอสื่อสารที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนที่จดหมาย โดยแทบทุกองค์กรจะต้องมีอีเมลเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการสื่อสารทางธุรกิจ แม้ว่าในปี 2022 อาจจะมีคนที่คิดว่าอีเมลนั้นตายไปแล้ว เนื่องจากการมาถึงของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างเต็มรูปแบบ แต่เชื่อเถอะว่าประสิทธิภาพของอีเมลในสมัยก่อนเป็นอย่างไรวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
หนึ่งในวิธีที่นักการตลาดรุ่นใหม่หลายคนมักมองข้ามคือการทำ Email Marketing หรือ “การตลาดผ่านอีเมล” ในสมัยก่อนหากธุรกิจต้องการติดต่อสื่อสารเพื่อทำการตลาดหรือขยายฐานลูกค้า ทางเดียวที่ทำได้คือการโทรติดต่อสื่อสารแบบดั้งเดิม แต่เมื่ออีเมลถือกำเนิดขึ้น เทคนิคในการทำการตลาดก็เริ่มเปลี่ยนไป การหวังผลบางอย่างจากการส่งอีเมลเป็นเรื่องที่แทบทุกองค์กรต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อการสร้างยอดขาย การโปรโมตสินค้าใหม่ การจัดกิจกรรมโปรโมชัน ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ใดๆ ก็ตาม แต่เชื่อหรือไม่ นอกจากการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายแล้ว การทำ Email Marketing ยังสามารถเพิ่มจำนวน Traffic บนเว็บไซต์ให้เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ แถมยังเป็น Organic Traffic แบบไม่ต้องเสียเงินโปรโมตสักบาทเดียว และแน่นอนการที่เว็บไซต์มียอดเข้าชมที่สูงเพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์โดยตรง ฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากเกินไปใช่ไหม? ในบทความนี้ได้นำ 6 วิธีการใช้ Email Marketing เพื่อเพิ่มจำนวน Traffic ให้กับเว็บไซต์ รับรองว่าใครที่กำลังทำ SEO อยู่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
1. กำหนดเป้าหมายอย่างแม่นยำ
ในการส่งอีเมลหนึ่งครั้ง ควรที่จะมีเป้าหมายไม่เกิน 2 อย่าง ลองถามตัวเองก่อนว่าอีเมลจะถูกส่งไปเพื่ออะไร? เช่น อยากให้กลุ่มเป้าหมายเปิดอ่านบทความ อยากเพิ่มยอดขายสินค้า หรือแค่เป็นการแจ้งเตือนเฉยๆ
นอกจากนี้ให้จำเอาไว้เลยว่าสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาดสำหรับการทำ Email Marketing คือการได้มาซึ่งลิสต์รายการอีเมลต่างๆ โดยที่ไม่มีที่มาที่ไป อย่างการไปซื้อหรือการได้รับข้อเสนอจากใครก็ตาม สาเหตุคือกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นอาจไม่ได้อนุญาตให้ส่งอีเมลไปหาพวกเขา ทำให้ในท้ายที่สุดจุดหมายปลายทางของอีเมลจะไปจบลงที่โฟลเดอร์ถังขยะนั่นเอง
2. ทำความเข้าใจ User Intent
จะรู้ได้อย่างไรว่าอีเมลที่กำลังจะกดส่งไปนั้น จะเป็นที่ถูกใจกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจริงๆ ต่อให้เขียนหัวอีเมลที่สร้างแรงดึงดูดได้ดีที่สุดในโลก แต่หากสาระสำคัญของเนื้อหาในอีเมลไม่สามารถให้คุณค่าหรือประโยชน์ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้จริง
โดยประเภทของการส่งอีเมลสามารถแบ่งได้ง่ายๆ ทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ
- Navigational Email โดยส่วนมากจะพบอีเมลนี้ในรูปแบบของการนำทางกลุ่มเป้าหมายไปยังเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง เช่น ในกรณีอย่างการแจ้งอัปเดตประกาศสำคัญๆ หรือมีการเปิดให้บริการอะไรใหม่ๆ เป็นต้น
- Informational Email เป็นอีเมลที่ให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ โดยอาจจะเกิดการยินยอมพร้อมใจในการสมัครติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากทางเว็บไซต์โดยตรง
- Transactional Email สำหรับอีเมลรูปแบบนี้จะเป็นอีเมลที่ถูกส่งให้เป็นรายบุคคล ส่วนใหญ่จะพบในอีเมลจากเว็บไซต์ Ecommerce ที่มักจะส่งมาทันทีเวลาที่สั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ ที่จะมีการส่งอีเมลแจ้งข้อมูลต่างๆ ทั้งราคา เลข Invoice หรือรายละเอียดการจัดส่ง โดยจะเป็นข้อมูลเฉพาะเท่านั้น
เมื่อรู้ดังนี้แล้วการเลือกใช้รูปแบบอีเมลให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการที่จะใช้อีเมลเป็นตัวแทนในการเชื่อมระหว่างเว็บไซต์และกลุ่มเป้าหมายของคุณ
3. ใช้ E-Newsletters
เมื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาอะไร ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสามารถสร้างเนื้อหาให้ตอบโจทย์ความต้องการ หากแบรนด์สนใจวิธีการในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดิมให้มากขึ้น การใช้ E-Newsletters หรือจดหมายข่าวก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสำหรับการแชร์ข่าวสาร เคล็ดลับ แคตตาล็อกสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ที่สำคัญคืออย่าลืมหน้า Landing Page เพื่อรองรับความสนใจเพิ่มเติม เป็นการสร้างความสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมายรู้สึกอยากมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการ รวมไปถึงการเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ในอนาคต เป็นต้น
4. นำ Social Media มาช่วย
นักการตลาดหลายคนคงรู้กันดีว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีประสิทธิภาพที่ดีแค่ไหนสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน ในขณะที่ Email Marketing ก็เป็นเทคนิคการตลาดที่อยู่คู่ฟ้าท้าแดดมาครึ่งศตวรรษ จะให้ตัดทางใดทางหนึ่งออกและลดการสื่อสารเหลือเพียงแค่ทางเดียวก็คงเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป
แต่เชื่อหรือไม่ว่าถ้าหากลองนำสองแนวทางนี้มาผสมผสานกันก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์ได้แบบคาดไม่ถึงแน่นอน ลองนึกภาพตามว่า Email นั้นเปรียบเสมือนประตูที่เชิญชวนผู้คนให้เข้ามายังเว็บไซต์ ดังนั้นการใส่ช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ลงไปในส่วนหนึ่งของอีเมลก็จะทำให้เป้าหมายเข้าถึงธุรกิจได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
5. รู้จัก Personalized
ลองคิดดูว่าหากมีอีเมลที่ถูกส่งมาโดยไม่ระบุชื่อผู้รับ จะมีใครที่กดเปิดอ่านหรือไม่? สำหรับเทคนิคการรู้จัก Personalized ที่ดีคืออย่างน้อยต้องรู้จักชื่อจริงหรือชื่อเรียกของผู้รับก่อนที่จะเริ่มส่งอีเมล หรือหากเป็นไปได้การใส่รายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมอย่างชื่อเมืองที่อยู่อาศัย ก็จะช่วยแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้ส่ง ทำให้ผู้รับเกิดความรู้สึกสงสัยและมั่นใจที่จะเปิดอ่านมากขึ้น ซึ่งมีสถิติที่รายงานว่าอีเมลที่มาพร้อมกับความเอาใจใส่ของผู้ส่งด้วยการศึกษาข้อมูลส่วนตัวของผู้รับจะช่วยเพิ่มโอกาส Open Rates และ Click Through ได้ดีกว่าอีเมลที่ไม่มีการระบุข้อมูลของผู้รับ
6. ทดสอบด้วย A/B Testing ก่อนเสมอ
จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นการทำ Email Marketing หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ การทำ A/B Testing ถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ควรทำควบคู่กันไปเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
โดยหลักการทำ A/B Testing ของ Email Marketing นั้นคือการทดลองส่งอีเมลจำนวน 2 แบบ (หรือมากกว่าก็ได้) ไปให้ผู้ติดตามแบรนด์ของคุณ เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ก่อนแล้วลองสังเกตดูว่าอีเมลรูปแบบไหนที่สามารถสร้าง Open Rates และ Click Through Rates ได้ดีกว่า จากนั้นให้ลองยึดรูปแบบนั้นแล้วส่งอีเมลไปให้กลุ่มคนที่เหลือ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำ SEO ด้วยการทดลองใส่คีย์เวิร์ดต่างๆ ลงไปในเนื้อหาหรือหัวเรื่อง เพื่อดูว่ารูปแบบไหนจะมีประสิทธิภาพที่ดีต่อ SEO มากกว่ากัน
รับรองได้เลยว่า 6 ข้อด้านบนนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ถึงเวลาที่แบรนด์และนักการตลาดจะลองนำเทคนิค Email Marketing ผสานเข้าไปในแผนการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้จำนวน Traffic บนเว็บไซต์กันแล้ว
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com