เทรนด์ Digital Marketing ในยุค Post Covid-19 เป็นหนึ่งในสิ่งที่นักการตลาดทุกคนต้องปรับตัวให้ทัน เห็นได้จากสถิติการทำการตลาดในช่องทางออนไลน์ในทุกโพลของอุตสาหกรรมการตลาดในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าการทำการตลาดแบบดิจิทัลถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่โลกธุรกิจแบบ Next-Gen เลือกใช้ในการประชาสัมพันธ์โปรดักส์ต่างๆ เพราะฉะนั้นการทำ SEO ให้ตรงจุด จะทำให้ไม่เสียเวลาในการโปรโมตแบรนด์ของเรา
โดยทั้ง 13 ทิปส์ที่เราได้รวบรวมมาแนะนำนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการทำ SEO ให้สอดคล้องกับคอนเทนต์ของคุณให้ปังแบบ Next Gen
1.ความจริงที่คนทำ SEO ไม่อยากบอกคุณ
1. เนื้อหาที่ไม่ตรง Search Intent ก็อาจไม่ติดหน้าแรกได้
2. การโฟกัสกับ Keyword ที่ยากเกินไปเป็นเรื่องที่เสียเวลา! 3. ไฟเขียวติดใน Yoast – Plugin ไม่ได้หมายความว่าบทความของคุณดีพอ
4. ความยาวเนื้อหาต้องเหมาะสม หลายคนมักเข้าใจว่า ยิ่งเขียนยาวยิ่งดี แต่ เนื้อหาที่ยาวจนน่าเบื่ออาจไม่ตอบโจทย์ขนาดนั้น เพราะควรโฟกัสที่โครงเรื่อง เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา มากกว่าการเขียนที่ยาวเหยียด
5. คนมักคิดว่าการใช้ชื่อแบรนด์เป็นโดเมนจะทำให้คนจำได้ง่าย ไม่ตอบโจทย์เท่ากับโดเมนที่จดจำได้ง่าย จะช่วยเพิ่มแนวโน้มในการค้นหา
6. Social Signal ไม่ได้สำคัญในการเพิ่ม Engagement ขนาดนั้น
2.’Search Intent’ เสาหลักอันดับหนึ่งของการทำ SEO ให้ปัง
เดาใจได้ ก็ติด First Page ได้แบบง่ายๆ เพราะ Google ต้องการให้ผู้ค้นหาสามารถหาข้อมูลหรือสิ่งที่ค้นหาได้เจอตรงตามที่ต้องการและรวดเร็วมากที่สุด
การทำ SEO ให้ติดอันดับของ Google จำเป็นที่จะต้องรู้จัก “Search Intent” หรือ “เจตนาของการค้นหา” ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการใช้ข้อความค้นหาในรูปแบบต่างๆ บน Search Engine
3. ‘Title Tag’ ยังมีความสำคัญในปี 2022
แท็กชื่อเรื่อง (Title Tag) ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการทำ SEO แม้ในเดือนสิงหาคม 2021 Google จะประกาศว่ามีการปรับการแสดงผล Title Tag ให้น้อยลงและให้ไปโฟกัสกับการใช้ข้อความในส่วนอื่นให้มากขึ้น แต่จากรายงานที่รวบรวมมาพบว่า หากต้องการให้คอนเทนต์ของคุณติดอันดับการค้นหาของ Google กว่าร้อยละ 66.6 เรื่อง Title Tag ยังคงเป็นเรื่องที่นักการตลาดต้องให้ความสำคัญเช่นเดิม
4. ปัดฝุ่นคอนเทนต์เก่า ให้กลับมาปังอีกรอบ
แม้ยอดการเข้าชม Website ของคุณจะติด Top Trend ของเมื่อปีที่แล้ว แต่อย่าลืมว่าการจัดอันดับของ Google มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากเราต้องการปัดฝุ่นคอนเทนต์เก่าที่เราเคยลงไปแล้วให้กลับมาติด Trend อีกครั้ง อาจเริ่มจากการใช้ Google Search Console เพื่อดูว่าคอนเทนต์ไหนมีคุณภาพ โดยมีวิธีการ ดังนี้
- ไปที่ Search Results Report
- คลิกที่ Data Filter และเลือก Compare Mode
3.เลือก ‘Compare Last 6 Months to Previous Period’
4. คลิก Apply
5. คลิก ‘Pages’
6. เรียงลำดับโดยคลิก ‘Clicks Differences’
จากนั้น ให้เราสังเกตดูว่ามีคอนเทนต์ไหนที่เราสามารถนำมารีเฟรชให้ปังอีกรอบได้ และต้องไม่ลืมว่า Seach Intent ของคอนเทนต์ยังคงไม่หลุดประเด็นไปจากเดิม หลังจากนั้นเราจะนำข้อมูลคอนเทนต์ที่คุณต้องการรีเฟรชมาใช้ต่อในเครื่องมือที่เรามี ตัวอย่างเช่น ใน Ahrefs วิธีการ คือ
- นำลิงก์ URL ไปใส่ใน Ahrefs’ Site Explorer
- ไปที่ Content Gap Report
- นำลิงก์ URLs สองถึงสามอันที่มีการจัดอันดับใกล้เคียงกันใส่ลงไป
- คลิก Show keywords
มาถึงตอนนี้ก็จะมี Keywords ต่างๆ ให้คุณได้เลือกไปปรับใช้ในคอนเทนต์ฝุ่นเกาะของคุณเพื่อให้กลับมาสด ใหม่ ได้อีกครั้ง
5.Internal Links คืออะไร ? ต้องใช้ให้เป็น
Internal Links คือลิงก์ที่อยู่ภายในคอนเทนต์ของเรา และมีหน้าที่เชื่อมโยงไปยังหน้าเพจอื่นๆ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการสร้าง Traffic ให้กับคอนเทนต์ และจะทำให้ผู้ค้นหาเกิดความสนใจและอยู่ในหน้าคอนเทนต์ของเราให้นานขึ้น และจะมีผลโดยตรงต่อการจัดอันดับของ Google
ในที่นี้จะสอนการสร้าง Internal Link โดยใช้ Link Opportunities ใน Ahrefs’ Site Audit
1.สมัครเพื่อเข้าใช้งาน Ahrefs Webmaster Tools (AWT)
2.วิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณผ่าน Site Audit
3.ไปที่ Link Opportunities Report
เมื่อเข้ามาถึงในหน้านี้คุณจะเห็น Source Pages Target Pages และ Keyword ที่จะคอยแนะนำให้เราเลือก Internal Links ได้อย่างหลากหลาย
6.ความประทับใจแรกของผู้ค้นหาสำคัญที่สุด
ในปี 2022 Google ได้อัปเดตการจัดการอันดับการค้นหาโดยอิงจาก Page Experience ดังนี้
- Core Web Vitals
นอกจากเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญของคอนเทนต์แล้ว การที่ผู้ค้นหาได้รับประสบการณ์ที่ดีในหน้าเว็บนั้นโดยอิงจาก ความเร็วในการดาวน์โหลดคอนเทนต์ การตอบสนองของเว็บไซต์ และความสเถียรของดีไซน์บนหน้าเว็บไซต์ ก็จำเป็นไม่แพ้กัน โดยสามารถเช็กได้จาก Core Web Vitals Report ใน Google Search Console หรือ Performance Report ใน Ahrefs’ Site Audit
- HTTPS
Google สนับสนุนให้สิทธิพิเศษกับการใช้ HTTPS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยที่มากขึ้น
- Absence of Intrusive Interstitials
ถ้าคุณเคยค้นหาอะไรบางอย่างในหน้าเว็บไซต์ แล้วต้องเจอกับ Pop up ใหญ่ๆ เข้ามาบดบังเนื้อหาหลัก อย่าลืมว่าต้องให้ผู้ใช้งานเจอเนื้อหาที่ค้นหาง่ายเสมอ
Page Experience แม้จะเป็นหนึ่งในร้อยปัจจัยที่จะทำให้คอนเทนต์ของคุณมียอด Engagement เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ห้ามละเลยหากอยากให้คอนเทนต์ของคุณ ติดอยู่ในหน้า Top Rank
7. อย่าลืมใส่แถบ ‘คำถามที่พบบ่อย’ (FAQ)
ในการค้นหาบน Search Engine ต่างๆ เรามักจะเห็นคำถามที่เกี่ยวข้องโผล่ขึ้นมาในกล่อง People Also Ask เสมอ แน่นอนว่าในคอนเทนต์ของเราคงไม่สามารถตอบคำถามได้หมด ดังนั้นวิธีการที่ช่วยแก้ไขได้คือเราสามารถค้นหาคำถามที่ถูกถามบ่อยใน Keywords Explorer หลังจากนั้นในคอนเทนต์ของคุณควรที่จะมีแถบการตอบคำถามที่พบบ่อยไว้ในตอนท้ายเสมอ แค่นี้ก็จะเป็นการช่วยให้คอนเทนต์ของคุณมีคุณภาพมากขึ้น
8. Google ชอบ ‘เนื้อหาที่น่าเชื่อถือ’ เสมอ
อย่าให้มีช่องโหว่ในคอนเทนต์ของคุณ นี่คือสิ่งที่ Google คาดหวังในการเลือกและนำไปจัดอันดับ เรามีเทคนิคสองอย่างที่จะทำให้ Google กดปุ่มแชร์ให้กับคอนเทนต์ของคุณ
- เทคนิค E-A-T หรือ Expertise, Authoritativeness and Trust แปลตรงตัวว่าความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ เพราะ Google นั้นชอบเนื้อหาที่มีการพัฒนาเนื้อหาถูกต้อง และน่าเชื่อถือยู่เสมอ
2. การถูกอ้างถึง คือคอนเทนต์ถูกนำไปแชร์ในช่องทาง Social Media ต่างๆ ย่อมยืนยันได้ว่านี่คือคอนเทนต์คุณภาพและน่าเชื่อถือ
9. ตำแหน่งที่ ‘0’ ในการค้นหา รู้จักกับ “Featured Snippets”
ถ้าคุณลองพิมพ์ค้นหาอะไรสักอย่าง แล้วเห็นด้านบนสุดเป็นกล่องข้อความสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วมีคำอธิบายสั้นๆ ประกอบอยู่ ถึงแม้ไม่ต้องคลิกเข้าไปก็ได้คำตอบทันทีนี่คือ Featured Snippets
ตัวอย่าง เช่น คุณสามารถหา Keywords ที่อยู่ใน Top 10 ของ Featured snippets ของ Google บน Ahrefs’ Site Explorer ได้ ดังนี้
1. ใส่ Domain ของคุณ
2. ไปที่ Organic report
3. เลือก Filter for Keywords ลำดับที่ #1 – 10
4. ใช้ SERP filter
แต่ต้องไม่ลืมว่าเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ของคุณจะติดอันดับ 0 ได้ เพราะระบบของ Google จะเป็นคนคัดเลือกเอง ทางเดียวที่เราทำได้คือการเตรียมความพร้อมให้คอนเทนต์หรือเว็บไซต์ของเรานั้นสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา
10. ห้ามลืม! ใส่สีและมีภาพประกอบ
ถ้ามี Infographic หรือภาพประกอบสวยๆ อย่าลืมที่จะใส่เข้าไป โดยสิ่งสำคัญต้องไม่ลืมให้ที่มาของรูป กราฟิกหรือวิดีโอประกอบด้วย
11. Backlinks ที่ดีต้องสด ใหม่อยู่เสมอ!
หลายคนชอบคิดว่าการใส่ Backlinks ลงไปในคอนเทนต์เยอะๆ จะทำให้ Google มองว่าคอนเทนต์ของเรานั้นมีความน่าเชื่อถือ แต่ในทางกลับกันหากคุณใช้ Backlinks ที่ไม่มีคุณภาพ ขาดการอัปเดต ต่อให้คุณใส่ Backlinks ไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์
แต่ไม่ต้องห่วง! เรามีขั้นตอนการแก้ไข Backlinks ที่ตายไปแล้วในคอนเทนต์ของเราให้กลับมาอีกครั้ง (ตัวอย่างใช้เครื่องมือของ Ahrefs)
1. วิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณด้วย Ahrefs’ Stie Audit
2. ไปที่ Internal Pages report
3. คลิก ‘404 page’
4. เลือกจัดเรียง จาก high to low ในช่อง No. of referring domains
5. หลังจากนั้นให้เข้าไปแก้ไขลิงค์ที่ตายไปแล้ว
12. Backlinks ที่มีคุณภาพ Traffic ยิ่งปัง
เว็บไซต์กว่า 90% ที่ไม่มี Traffic หรือยอดคนเข้ามารับชม เกิดจากการไม่มี Backlinks แสดงให้เห็นว่า Backlinks เป็นหนึ่งในปัจจัยลำดับต้นๆ ที่ Google ให้ความสำคัญ เนื่องจากการมี Backlinks ในคอนเทนต์ก็เปรียบได้กับการที่ไปสมัครงานแล้วมีคน Reference ให้ ยิ่งคนที่ Reference ให้นั้น มีชื่อเสียงหรือมีความเชี่ยวชาญมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้เรามีโอกาสได้งานนั้นมากขึ้น เช่นกันถ้า Backlinks ในคอนเทนต์ของเรามีคุณภาพที่สูง Google ก็จะยิ่งมองว่าคอนเทนต์ของเรามีคุณภาพมากเท่านั้น
13. ตรวจสอบเนื้อหาแบบ Content Audit
เป็นการตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดของคอนเทนต์ที่เราลงไว้ภายในเว็บไซต์ โดยใช้เครื่องมือต่างๆ มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดว่าจะทำอย่างไรต่อแต่ละบทความในเว็บไซต์นั้น ยกตัวอย่างเช่น เครื่องมือที่คนทำ SEO ส่วนใหญ่ใช้ เช่น Google Analytics, Google Search Console, Screaming Frog, Ahrefs เป็นต้น
รับคำปรึกษาการทำ SEO กับ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com