รู้ก่อนได้เปรียบ! 5 อินไซต์สำหรับนักการตลาดที่ใช้งาน Performance Max

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
May 6, 2022
Author: Antonio Fernandez
Results Image

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากูเกิลได้เพิ่มเครื่องมือหลายอย่างให้กับนักการตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางกลยุทธ์การทำแคมเปญโฆษณา เช่น เครื่องมืออย่าง Smart Bidding ที่เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ใช้บิดอัตโนมัติสำหรับกับนักการตลาดที่ต้องการซื้อโฆษณาแบบ PPC แต่ล่าสุดกูเกิลได้พยายามยกระดับการทำงานของนักการตลาดให้ง่ายขึ้นด้วยการประกาศเปิดตัวเครื่องมือใหม่ล่าสุดอย่าง Performance Max ที่กูเกิลเคลมว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างโฆษณาด้วยความสะดวกสบายและประหยัดเวลามากขึ้น โดยสามารถรันแคมเปญโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ในเครือข่ายของกูเกิลได้ภายในคลิกเดียว

อย่างไรก็ตาม Performance Max ยังเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างใหม่และยังไม่ได้เปิดให้ผู้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ แต่กูเกิลจะเริ่มทยอยปรับให้ผู้ใช้งานเริ่มใช้งานได้ในเร็ววันนี้ เพราะฉะนั้นในบทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูล 5 อินไซต์ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักการตลาดมือใหม่และมือเก่าทุกท่าน เพื่อให้พร้อมกับการปรับเปลี่ยนมาใช้งาน Performance Max กัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

1. Performance Max มาตรฐานใหม่ของ Shopping Campaign

หากตอนนี้คุณกำลังใช้งานเครื่องมือ Performance Max ควบคู่ไปกับ Smart Shopping Campaign (เครื่องมือสร้างโฆษณาอีกตัวหนึ่ง) ควรรู้ไว้สักนิดว่าโฆษณาที่ถูกสร้างโดย Performance Max ซึ่งในตอนนี้จะถูกกูเกิลให้ความสำคัญมากกว่า หมายความว่าถ้ามีการสร้างโฆษณาขึ้นมาผ่านสองเครื่องมือนี้พร้อมกันจะมีเพียงโฆษณาบน Performance Max เท่านั้นที่จะแสดงผลต่อผู้ใช้งานทั่วไป 

อย่างไรก็ตามไม่ต้องเป็นกังวลไปสำหรับผู้ใช้งานเครื่องมือ Smart Shopping เพราะกูเกิลประกาศแผนการปรับเปลี่ยนออกมาแล้วว่าภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 เครื่องมือ Performance Max จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการสร้างโฆษณาแบบ Shopping Campaign และสามารถอัปเกรดหรือย้ายฐานข้อมูลต่างๆ มาใช้งานบน Performance Max ได้ทันที

2. คีย์เวิร์ดจาก Search Campaign ยังคงสำคัญ

ในทางกลับกัน หากมีการสร้างแคมเปญโฆษณาผ่าน Search Campaign และ Performance Max พร้อมกัน ระบบของกูเกิลจะพยายามแสดงผลโฆษณาของ Search Campaign ก่อนเสมอ อย่างที่ Ginny Marvin ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ MarTech ได้กล่าวเอาไว้ว่า ”คีย์เวิร์ดบน Search Campaign จะถูกกูเกิลประมวลผลก่อนเสมอ หรือไม่อย่างนั้นก็จะขึ้นอยู่กับระบบ Ad Rank”

3. ไม่จำเป็นต้องใช้ Performance Max ในทุกช่องทาง

สำหรับท่านใดที่ยังรู้สึกชอบความสะดวกสบายของการสร้างแคมเปญโฆษณาผ่าน Smart Shopping และไม่ได้คิดที่จะมีแผนการขยายการแสดงผลโฆษณาไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ในตอนนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์เพิ่มเติมของ Performance Max แต่อย่างใด เพียงแค่ในขั้นตอนการกรอกข้อมูล Assets Group ต่างๆ ก็ไม่ต้องกรอกข้อมูลประเภทวิดีโอ รูปภาพและข้อความ ระบบของ Performance Max ก็จะแสดงผลโฆษณาบน Shopping Ads เท่านั้น

4. Conversion Report Data มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

อย่างที่ทราบกันดีว่า Performance Max เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการสร้างแคมเปญโฆษณาเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นแคมเปญด้วย Conversion Goal ที่ถูกตั้งเอาไว้ ดังนั้นในการประเมินความสำเร็จของแคมเปญ อย่าลืมที่จะเรียกดูรายงานประเภท Conversion ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเสมอเพื่อคอยประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา ซึ่งแนะนำให้พิจารณาเฉพาะ Lead Conversion เท่านั้น ในกรณีของ E-Commerce นอกเหนือจากรายงานยอดขาย อย่าลืมที่จะลองปรับ Conversion เพื่อการพิจารณาผลตอบแทนและการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า นอกจากนี้การใช้ Google Enhance Conversion for Leads เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยให้ตรวจสอบรายงานข้อมูล Conversion ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด (ใครที่สงสัยว่า GEC คืออะไร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)

5. เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างลูกค้าใหม่ด้วยฟีเจอร์ Customer Acquisition Goal

หนึ่งในเรื่องร้องเรียนของเครื่องมือสร้างโฆษณาอัตโนมัติอย่าง Smart Shopping คือ ในบางครั้งระบบมักจะแสดงผลโฆษณาให้กับผู้ใช้งานที่เคยเข้าเว็บไซต์บ่อยๆ เท่านั้น แต่ไม่มีการขยายการเข้าถึงต่อผู้ใช้งานรายใหม่ เพื่อการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ เครื่องมือ Performance Max จึงได้เปิดตัวฟีเจอร์ Customer Acquistion เวอร์ชันเบต้าซึ่งจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายการแสดงผลไปยังผู้ใช้งานใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com 

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
General topics

March 11, 2021

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
เป็นเวลานานหลายปีที่นักการตลาดและบริษัทอีคอมเมิร์ซใช้จ่ายเงินไปกับ Google Search Ads เพื่อให้เว็บไซต์และโฆษณาของตนปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาแบบออร์แกนิก อย่างไรก็ตาม Google ได้ลดระดับ Search Ads ลงหนึ่งขั้น และเพิ่ม “แคมเปญ Google Shopping” ไปยังด้านบนของผลการค้นหา แคมเปญ Google Shopping คืออะไร?...
Google Remarketing Ads คืออะไร
General topics

March 11, 2021

Google Remarketing Ads คืออะไร
คุณเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือไม่? ถ้าใช่ ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณมาถูกที่แล้ว! สถิติ แสดงให้เห็นว่าอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าออนไลน์ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นและปัจจุบันสูงถึง 69.57% เราทุกคนเคยผ่านประสบการณ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ออนไลน์เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วจากไปโดยหวังว่าจะกลับมาในภายหลัง ซึ่งมักจะไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อได้ Dynamic Remarketing คืออะไร? กล่าวอย่างง่ายๆ Dynamic Remarketing คือ Google...
General topics

March 11, 2021

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งประเทศไทยหรือไม่?
[vc_row][vc_column][vc_column_text] PDPA คืออะไร? พระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 PDPA ประเทศไทยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงหรือโดยอ้อม PDPA ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้องเจ้าของข้อมูลจากการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของตน กฎหมายนี้ใช้กับองค์กรส่วนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ...