ประวัติความเป็นมาของ Google Ads

April 30, 2025Published By: Relevant Audience
Results Image

เมื่อ Google เปิดตัวแพลตฟอร์มโฆษณาครั้งแรกในปี 2000 แทบไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่ออินเทอร์เน็ต การตลาด และแม้แต่การค้าทั่วโลกได้ลึกซึ้งเพียงใด ในตอนแรกที่รู้จักกันในชื่อ Google AdWords แพลตฟอร์มนี้เริ่มต้นด้วยผู้ลงโฆษณาเพียง 350 ราย แต่ในปัจจุบัน Google Ads ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดดิจิทัลที่ธุรกิจนับล้านทั่วโลกนำมาใช้ มาสำรวจกันว่า Google Ads ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งในแง่ของความสามารถและความซับซ้อน

จุดเริ่มต้นของ Google Ads: การปฏิวัติโฆษณาออนไลน์

Google AdWords เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อินเทอร์เน็ตกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ระบบโฆษณาออนไลน์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ส่วนใหญ่พึ่งพาแบนเนอร์โฆษณาขนาดใหญ่ที่รบกวนผู้ใช้ และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังค้นหา

Google มองเห็นโอกาสในการสร้างระบบโฆษณาที่แตกต่าง โดยเชื่อมโยงโฆษณาเข้ากับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังค้นหาอยู่ในขณะนั้น แนวคิดนี้ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ แต่ยังช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขาอย่างแท้จริง

ปี 2000: การก่อกำเนิด AdWords

เมื่อ Google เปิดตัว AdWords อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2000 ระบบนี้มีความเรียบง่ายมาก:

  • โฆษณาเป็นข้อความสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัดที่ปรากฏด้านขวาของผลการค้นหา
  • ผู้ลงโฆษณาจ่ายเงินตามจำนวนครั้งที่โฆษณาแสดง (CPM หรือ cost per thousand impressions)
  • มีเพียงผู้ลงโฆษณา 350 รายในช่วงเริ่มต้น
  • ระบบมีการกำหนดงบประมาณรายเดือนแบบตายตัว

ถึงแม้จะเป็นระบบที่เรียบง่าย แต่ AdWords แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของ Google ในการสร้างโฆษณาที่ “เกี่ยวข้อง” และไม่รบกวนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้มากเกินไป

ปี 2002: การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ – โมเดล Pay-Per-Click

ในปี 2002 Google ได้เปิดตัว AdWords Select ซึ่งนำเสนอโมเดลการประมูลแบบใหม่ที่ปฏิวัติวงการโฆษณาออนไลน์:

  • เปลี่ยนจากโมเดล CPM มาเป็นโมเดล CPC (Cost-Per-Click) ซึ่งหมายความว่าผู้ลงโฆษณาจะจ่ายเงินเฉพาะเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณาของพวกเขา
  • แนะนำระบบประมูลแบบเรียลไทม์สำหรับคำค้นหา ที่ผู้ลงโฆษณาจะต้องประมูลว่าพวกเขาเต็มใจจะจ่ายเท่าไรต่อคลิก
  • เพิ่มคะแนนคุณภาพ (Quality Score) ซึ่งให้ความสำคัญกับความเกี่ยวข้องของโฆษณา ไม่ใช่แค่จำนวนเงินที่จ่าย

การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมโฆษณา เนื่องจากนักการตลาดสามารถเชื่อมโยงค่าใช้จ่ายโฆษณาเข้ากับการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม (คลิก) แทนที่จะเป็นเพียงการมองเห็น ขณะเดียวกัน คะแนนคุณภาพยังช่วยให้แน่ใจว่าโฆษณาที่มีคุณภาพดีที่สุดจะได้รับการแสดงแม้ว่าจะไม่ได้เสนอราคาสูงที่สุดก็ตาม

วิวัฒนาการของ Google Ads จากอดีตถึงปัจจุบัน

1. จากโฆษณาข้อความสู่แคมเปญหลากหลายรูปแบบ

อดีต (2003): โฆษณา Google ในยุคแรกมีความเรียบง่าย เป็นเพียงข้อความไม่กี่บรรทัดที่ปรากฏข้างผลการค้นหา ผู้ลงโฆษณาประมูลคำค้นหา และโฆษณาจะถูกจัดอันดับโดยอิงจากจำนวนเงินที่ประมูลเป็นหลัก

ในช่วงแรก ข้อจำกัดของโฆษณาข้อความมีดังนี้:

  • หัวเรื่องยาวไม่เกิน 25 ตัวอักษร
  • รายละเอียดโฆษณาสองบรรทัด แต่ละบรรทัดยาวไม่เกิน 35 ตัวอักษร
  • URL ที่แสดงเพียงหนึ่งบรรทัด

นักการตลาดต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างมากในการสร้างข้อความที่น่าสนใจภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ความเรียบง่ายนี้เองที่ทำให้โฆษณาในยุคแรกมีประสิทธิภาพ เพราะมันไม่รบกวนประสบการณ์ผู้ใช้

ปัจจุบัน (2024): ปัจจุบัน โฆษณาสามารถรวมข้อความ รูปภาพ วิดีโอ รายการผลิตภัณฑ์ การติดตั้งแอป และแม้แต่เนื้อหาที่สร้างด้วย AI แพลตฟอร์มอย่าง Performance Max ยังปรับการแสดงโฆษณาโดยอัตโนมัติบน Search, Display, YouTube, Gmail และ Maps

รูปแบบโฆษณาในปัจจุบันมีความหลากหลาย:

  • โฆษณาข้อความขยาย (Expanded Text Ads) ให้พื้นที่มากขึ้นสำหรับการเขียนข้อความโฆษณา
  • โฆษณารูปภาพแบบตอบสนอง (Responsive Display Ads) ที่ปรับขนาดให้พอดีกับพื้นที่โฆษณาที่มีอยู่
  • โฆษณาวิดีโอบน YouTube ที่มีหลายรูปแบบ เช่น In-stream, Discovery และ Bumper
  • โฆษณาช้อปปิ้งที่แสดงรูปภาพผลิตภัณฑ์ ราคา และรายละเอียดอื่นๆ
  • โฆษณาบนแอปมือถือที่ส่งเสริมการดาวน์โหลดแอป

ความหลากหลายนี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับแต่งกลยุทธ์โฆษณาให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่แตกต่างกัน Google Shopping Service

2. จากการประมูลแบบควบคุมเองสู่ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ

อดีต: การประมูลในยุคแรกเป็นกระบวนการที่ทำด้วยมือทั้งหมด คุณเลือกคำค้นหา กำหนด CPC สูงสุด และหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี นักการตลาดต้องตรวจสอบและปรับแต่งการประมูลเป็นประจำเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีที่สุด

กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ใช้เวลามาก แต่ยังทำให้ยากต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดอย่างรวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

ปัจจุบัน: Google Ads ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติมากขึ้นเรื่อยๆ กลยุทธ์การประมูลอัจฉริยะ (Smart Bidding) เช่น Maximize Conversions, Target ROAS และ Target CPA ใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อปรับการประมูลแบบเรียลไทม์ตามสัญญาณที่หลากหลาย

ระบบอัตโนมัติไม่เพียงปรับการประมูลตามเวลาของวัน วันของสัปดาห์ หรืออุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังพิจารณาปัจจัยที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น:

  • พฤติกรรมการเรียกดูก่อนหน้านี้ของผู้ใช้
  • ตำแหน่งที่ตั้งและภาษาของผู้ใช้
  • ข้อมูลประชากรศาสตร์
  • ประวัติการแปลงของคำค้นหาเฉพาะ
  • แม้แต่สภาพอากาศหรือเหตุการณ์ปัจจุบัน

การใช้ AI และการเรียนรู้ของเครื่องที่เพิ่มขึ้นใน Google Ads ได้เปลี่ยนบทบาทของนักการตลาดจากการจัดการการประมูลรายวันเป็นการกำหนดกลยุทธ์ระดับสูงและการติดตามประสิทธิภาพโดยรวม Relevant Search Google Ads

3. จากการกำหนดเป้าหมายด้วยคำค้นหาสู่การตลาดตามเจตนา

อดีต: การกำหนดเป้าหมายด้วยคำค้นหาเป็นหัวใจสำคัญของแคมเปญ AdWords ในยุคแรก ประเภทการจับคู่ (Match Types) เช่น Broad, Phrase และ Exact ควบคุมว่าการค้นหาของผู้ใช้จะต้องตรงกับคำค้นหาของคุณมากน้อยเพียงใด

นักการตลาดใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวิจัยคำค้นหา สร้างรายการคำค้นหาที่ยาวเหยียด และปรับโครงสร้างแคมเปญให้สะท้อนถึงวิธีที่ผู้คนค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขาอย่างแท้จริง นี่เป็นกระบวนการที่ละเอียดและต้องใช้แรงงานมาก

ปัจจุบัน: แม้ว่าคำค้นหายังคงมีความสำคัญ แต่ Google Ads มุ่งเน้นไปที่เจตนาของผู้ใช้และสัญญาณกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น คำค้นหาแบบ Broad match และแคมเปญที่ขับเคลื่อนด้วย AI พึ่งพาข้อมูลพฤติกรรมและบริบทมากกว่าคำค้นหาที่ตรงกันอย่างแม่นยำ

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการกำหนดเป้าหมายรวมถึง:

  • Broad match ที่ชาญฉลาดขึ้น ซึ่งเข้าใจถึงเจตนาที่อยู่เบื้องหลังการค้นหา ไม่ใช่แค่คำที่ใช้
  • การกำหนดเป้าหมายกลุ่มผู้ชม (Audience targeting) ที่อิงตามความสนใจ พฤติกรรมการเรียกดู และข้อมูลประชากรศาสตร์
  • การกำหนดเป้าหมายตามเจตนาของผู้ใช้ (Intent-based targeting) ซึ่งพยายามจับคู่โฆษณากับผู้ใช้ที่อยู่ในช่วงที่เฉพาะเจาะจงของเส้นทางการซื้อ
  • แคมเปญที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น Performance Max ที่ให้ Google ค้นหาผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่เหมาะสมแทนที่จะยึดติดกับรายการคำค้นหาที่กำหนดล่วงหน้า

ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ นักการตลาดจึงต้องปรับแนวคิดจากการเน้นคำค้นหาเป็นการทำความเข้าใจเจตนา (intent) และบริบท (context) ที่กว้างขึ้นของการค้นหาของผู้ใช้ Google Display Service

4. จากการวิเคราะห์ที่จำกัดสู่โมเดลการวัดผลเชิงลึก

อดีต: ความสำเร็จวัดจากคลิกและการแสดงผลเป็นหลัก Google มีการติดตามการแปลงพื้นฐาน แต่โมเดลการวัดผลแบบหลายจุดสัมผัส (multi-touch attribution) ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ในช่วงแรก นักการตลาดมักจะตัดสินประสิทธิภาพของโฆษณาด้วยเมตริกพื้นฐาน เช่น:

  • จำนวนคลิก (Clicks)
  • อัตราการคลิก (CTR)
  • ตำแหน่งโฆษณาเฉลี่ย (Average position)
  • คลิกเฉลี่ยต่อวัน

การวัดผลเชิงลึกที่แสดงถึงผลกระทบของโฆษณาต่อยอดขายหรือเป้าหมายทางธุรกิจอื่นๆ มีจำกัด ทำให้การแสดงถึง ROI ที่แท้จริงเป็นเรื่องยาก

ปัจจุบัน: Google Ads รวมเข้ากับ Google Analytics 4 ซึ่งให้การวัดผลข้ามอุปกรณ์และข้ามแพลตฟอร์ม เครื่องมือขั้นสูงเช่นการวัดผลตามข้อมูล (data-driven attribution) ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจเส้นทางของลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบตลอดหลายจุดสัมผัส

ความสามารถด้านการวิเคราะห์ในปัจจุบันรวมถึง:

  • การวัดผลตามข้อมูลที่กำหนดค่าการแปลงให้กับแต่ละจุดสัมผัสตลอดเส้นทางของลูกค้า
  • การติดตามการมีส่วนร่วมข้ามอุปกรณ์ที่ติดตามผู้ใช้จากการค้นหาบนมือถือไปจนถึงการซื้อบนคอมพิวเตอร์
  • การวิเคราะห์ช่องทางการตลาดที่แสดงให้เห็นว่าแต่ละช่องทางมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการแปลงอย่างไร
  • การติดตามการดำเนินการออฟไลน์ เช่น การโทรศัพท์หรือการเข้าชมร้านค้า
  • การวัดผลมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าแทนที่จะเป็นเพียงการแปลงครั้งแรก

ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างแม่นยำมากขึ้นและทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณที่ชาญฉลาดมากขึ้น Line Official Account Service

5. จากการมุ่งเน้นช่องทางเดียวสู่กลยุทธ์แบบ Omnichannel

อดีต: ในยุคแรก Google Ads มุ่งเน้นไปที่ผลการค้นหาเท่านั้น นักการตลาดสามารถกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ได้เฉพาะเมื่อพวกเขากำลังค้นหาในเว็บไซต์ Google เท่านั้น ซึ่งจำกัดขอบเขตของแคมเปญโฆษณา

การโฆษณาในช่วงแรกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแยกส่วน:

  • การโฆษณาบนเว็บไซต์ดำเนินการผ่าน AdWords
  • โฆษณาแบนเนอร์ (Display ads) ต้องใช้เครือข่ายการโฆษณาที่แยกต่างหาก
  • ช่องทางออฟไลน์เช่นทีวีหรือสิ่งพิมพ์แยกออกจากกลยุทธ์ดิจิทัลอย่างสิ้นเชิง

ปัจจุบัน: Google Ads ได้ขยายไปทั่วทั้งระบบนิเวศของ Google ครอบคลุม YouTube, Gmail, Display Network และแม้แต่สมาร์ททีวี คุณลักษณะเช่น Performance Max นำเสนอโซลูชันครบวงจรที่ปรับกลยุทธ์การสร้างสรรค์และการประมูลของคุณให้เหมาะกับทุกแพลตฟอร์มเหล่านี้

ประสบการณ์การโฆษณาแบบ omnichannel ในปัจจุบันรวมถึง:

  • แคมเปญที่ทำงานข้ามเครื่องมือค้นหา เครือข่ายการแสดงผล YouTube และแม้แต่ Google Maps
  • การปรับแต่งโฆษณาโดยอัตโนมัติให้เหมาะกับรูปแบบและข้อกำหนดของแต่ละแพลตฟอร์ม
  • การกำหนดเป้าหมายผู้ชมที่สอดคล้องกันในทุกจุดสัมผัสดิจิทัล
  • การวัดผลแบบข้ามช่องทางที่แสดงให้เห็นว่าช่องทางต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างไร
  • การผสมผสานกับการตลาดออฟไลน์ผ่านคุณสมบัติเช่นการตรวจสอบร้านค้าและการวัดผลโทรศัพท์

วิวัฒนาการนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กว้างขึ้นในพฤติกรรมของผู้บริโภค เนื่องจากผู้คนเคลื่อนไหวไปมาระหว่างอุปกรณ์และแพลตฟอร์มตลอดทั้งวัน ซึ่งต้องการกลยุทธ์การโฆษณาที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น Programmatic

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติ Google Ads

6. การปรับแบรนด์และการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

ในปี 2018 Google ได้ปรับแบรนด์ AdWords เป็น Google Ads สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไปไกลกว่าโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยข้อความและคำค้นหาเท่านั้น การปรับแบรนด์นี้เป็นมากกว่าการเปลี่ยนชื่อ แต่แสดงถึงการปรับกลยุทธ์ของ Google ในการนำเสนอแพลตฟอร์มโฆษณาที่ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นโยบายโฆษณาได้เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในด้าน:

  • ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
  • การโฆษณาทางการเมือง
  • การใช้ข้อมูลบุคคลที่สาม

Google ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายหลายครั้งเพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น:

  • การจำกัดโฆษณาในอุตสาหกรรมที่ละเอียดอ่อน เช่น การพนัน การเงิน และสุขภาพ
  • การเพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีที่โฆษณาเป้าหมายผู้ใช้
  • การกำหนดข้อกำหนดใหม่สำหรับการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ลงโฆษณาในบางหมวดหมู่
  • การปรับปรุงเครื่องมือสำหรับผู้ใช้ในการควบคุมประสบการณ์โฆษณาของพวกเขา

การเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้แสดงถึงความสมดุลที่กำลังพัฒนาระหว่างความต้องการของผู้ลงโฆษณา ประสบการณ์ของผู้ใช้ และมาตรฐานด้านจริยธ

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

อนาคตแบบ Cookieless กับ Microsoft Ads
โฆษณา Microsoft Ads

April 30, 2025

อนาคตแบบ Cookieless กับ Microsoft Ads
เรียนรู้วิธีปรับตัวสู่โลกไร้คุกกี้ด้วย Microsoft Ads และกลยุทธ์ Full-Funnel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาในยุคที่ความเป็นส่วนตัวสำคัญขึ้น...
XML Sitemap คืออะไรและวิธีใช้อย่างถูกต้อง
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 29, 2025

XML Sitemap คืออะไรและวิธีใช้อย่างถูกต้อง
เรียนรู้วิธีใช้ XML Sitemap เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับดีขึ้น...
แพลตฟอร์ม CMS ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 28, 2025

แพลตฟอร์ม CMS ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025
ค้นพบแพลตฟอร์ม CMS ชั้นนำสำหรับปี 2025 พบแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในการสร้างเว็บไซต์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการมีตัวตนออนไลน์ของคุณอย่างง่ายดาย...