หนึ่งในความเชื่อที่กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันมากที่สุดในหมู่ของ SEO Specialist คือ ”การผลิตคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาซ้ำซ้อนจะถูกกูเกิลลงโทษอย่างร้ายแรง” แต่ในความเป็นจริงหากเว็บไซต์มีคอนเทนต์ที่ซ้ำกันแน่นอนว่ากูเกิลจะไม่มีทางเสียเวลาส่งข้อความมาตักเตือนหรอกว่า “โปรดระวัง เว็บไซต์นี้มีคอนเทนต์ที่ซ้ำกันอยู่”
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาซ้ำกันจะไม่ถูกกูเกิลลงโทษ เพราะในระบบการทำงานของกูเกิลจะมีอัลกอริทึมคอยตรวจสอบเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ หากพบว่ามีเนื้อหาที่ซ้ำกัน อัลกอริทึมของกูเกิลก็จะเลือกเพียงเนื้อหาเดียวเท่านั้นในการนำไปจัดอันดับ SEO ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่อัลกอริทึมในการเลือกคอนเทนต์ไปจัดอันดับของกูเกิลไม่ได้มีความเที่ยงตรงสักเท่าไหร่ จึงอาจกลายเป็นเรื่องอิหลักอิเหลื่อสำหรับเจ้าของคอนเทนต์ตัวจริงที่ต้องนั่งน้ำตาตกในกับการดูคอนเทนต์ที่อุตส่าห์ปาดน้ำตาเป็นร้อยครั้งในการเขียนขึ้นมา แต่ดันถูกกูเกิลลดการมองเห็นลง สำหรับหลายคนที่ยังสงสัยว่าหากบนเว็บไซต์มีคอนเทนต์ที่ซ้ำกันอยู่จะทำให้คะแนน SEO ตกจริงหรือไม่? ในบทความนี้ Relevant Audience จะพาทุกท่านไปไขข้อสงสัยในเรื่องของ Duplicate Content กัน
Duplicate Content คืออะไร?
Duplicate Content หรือเนื้อหาที่ซ้ำกัน หมายถึงเนื้อหา บทความ หรืออะไรก็ตามที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์มากกว่าสองหน้าขึ้นไป (อยู่บน URL ที่ต่างกัน) ตัวอย่าง เช่น บางเว็บไซต์อาจใช้วิธีการคัดลอกเนื้อหาจากเว็บอื่น แล้วนำมาดัดแปลงเพียงเล็กน้อย พูดง่ายๆ คือไม่ว่าจะเป็นการที่ ”เราไปคัดลอกของเขา หรือเขามาคัดลอกของเรา” กูเกิลก็นับเป็น Duplicate Content ทั้งหมด
คอยตรวจสอบ Duplicate Content อย่างสม่ำเสมอ
ต้องยอมรับว่าแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำ SEO ส่วนใหญ่ยังพลาดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการไม่ตรวจสอบเนื้อหาที่ซ้ำกันให้ละเอียดถี่ถ้วน จนทำให้ความผิดพลาดเล็กน้อยเหล่านี้เป็นปัญหาไฟลามทุ่งในท้ายที่สุด เนื้อหาที่ซ้ำกันเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยครั้งไม่ว่าจะเกิดจากการที่เว็บไซต์อื่นมาคัดลอกเนื้อหาไปดัดแปลงและโพสต์ลงเว็บไซต์ตนเอง หรือการที่ไปคัดลอกเนื้อหาของเว็บไซต์อื่นมาก็ตาม เพราะแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกกว่ามากที่จะต้องมานั่งเสียเวลาในการเขียนคอนเทนต์ที่สด ใหม่ ขึ้นมาเอง เพราะเพียงแค่ Copy + Paste อะไรก็ง่ายขึ้นทันที แต่อย่างที่อธิบายไปก่อนหน้านี้แล้วว่าอัลกอริทึมของกูเกิลไม่ได้คิดง่ายๆ เช่นนั้น ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาอาจเป็นการลดการมองเห็น หรือมากไปกว่านั้นเว็บไซต์อาจถูกกูเกิลมองว่าเป็นสแปมก็ได้
ข้อแนะนำคือต้องหมั่นตรวจสอบคอนเทนต์ที่ซ้ำกันอยู่เสมอ โดยอาจใช้เครื่องมือที่สามารถช่วยตรวจสอบเนื้อหาที่ซ้ำกันบนเว็บไซต์ได้ ในอดีตเครื่องมือที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบเนื้อหาที่ซ้ำกันมีน้อยมาก แต่ในตอนนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มีตัวเลือกใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งมีทั้งแบบฟรีหรือแบบพรีเมียม (ต้องชำระเงินเพิ่มเติม) หากอยากให้คะแนน SEO ไม่ตกด้วย Duplicate Content ก็สามารถหามาลองใช้ดูกันได้
แก้ไขปัญหา Duplicate Content
โดยทั่วไปในเว็บไซต์ E-Commerce จะมีระบบที่ช่วยแก้ไข Duplicate Content ให้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการแก้ไขด้วยวิธีนี้ เนื่องจากความไม่เสถียรและประสิทธิภาพในการแก้ไขยังทำได้ไม่ดีพอ หากเป็นไปได้หนทางแก้ไขที่ง่ายและดีที่สุดด้วยคือ “การเขียนเนื้อหาขึ้นมาใหม่”
การแก้ไขอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญค่อนข้างสูง สำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ซ้ำกันเป็นจำนวนมาก ยังมีวิธีแก้ไขปัญหาในเชิงเทคนิคอื่นๆ อีกมากในบทความที่เราเคยพูดถึงไปแล้ว (คลิกที่นี่) ซึ่งควรมองหาผู้เชี่ยวชาญ SEO สำหรับการแก้ไขปัญหานี้โดยตรงจะดีที่สุด
รับปรึกษาการทำ SEO ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com