Content is King ยังคงเป็นนิยามของเทรนด์การตลาดในปี 2023 นี้ แบรนด์ไหนก็ตามที่สามารถสร้างคุณค่าและชูจุดเด่นสินค้าหรือบริการผ่านคอนเทนต์ได้ ก็สามารถดึงดูด สร้างความจดจำและเปลี่ยนผู้รับชมทั่วไปให้กลายมาเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้แบรนด์ได้รับผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตามการทำ Content Marketing ก็มี Concept ในแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกัน ดังนั้นในบทความนี้ได้รวบรวมประเภทของ Content Marketing ที่น่าสนใจมาฝากกัน มาดูกันว่ามีอันไหนที่แบรนด์สามารถนำไปปรับใช้ได้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
1.บล็อก (Blogs)
Blog เป็นการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในลักษณะของบทความ เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างคอนเทนต์รูปแบบยอดนิยม สามารถช่วยลิงก์ให้ผู้อ่านไปยังเว็บไซต์ของธุรกิจได้โดยตรง แถมยังเหมาะสำหรับธุรกิจหรือแบรนด์ขนาดเล็กที่ไม่ได้มีงบประมาณสำหรับการทำการตลาดออนไลน์มากนัก โดยพื้นฐานแล้วการเขียนบล็อกที่ดีควรมีเนื้อหาที่เหมาะสมในการนำเสนอคุณค่าของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจของแบรนด์ และบล็อกยังเป็นรากฐานของการทำ SEO ที่ดีอีกด้วย (5 เหตุผลที่บล็อกสำคัญต่อการทำ SEO )
2.กรณีศึกษา (Case Study)
Case Study เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ยอดฮิต โดยจะเป็นการสร้างประโยชน์ต่อแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นการสร้าง Brand Trust ต่อลูกค้าผ่านการแชร์ข้อดีและข้อเสีย ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้พัฒนาสินค้าหรือบริการให้ดีขึ้น พร้อมยังช่วยให้กลุ่มเป้าหมายได้รับโซลูชันใหม่ เห็นภาพของการใช้งานจริง ส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการตัดสินใจให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามคอนเทนต์ประเภท Case Study ควรที่จะมีการเปรียบเทียบหรือให้ข้อมูลที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา รับรองได้เลยว่าจะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับแบรนด์และช่วยปิดการขายทางอ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
3.อินโฟกราฟิก (Infographics)
ทุกคนรู้กันดีว่าภาพหนึ่งภาพสามารถแทนคำนับพัน ดังนั้นอินโฟกราฟิกจึงเปรียบเสมือนเครื่องมือที่จะช่วยสร้างคอนเทนต์ที่อาจจะเข้าใจยากให้ผู้คนเข้าใจง่ายได้มากที่สุด ด้วยแผนภาพสวยๆ ที่มีเนื้อหาเรียบเรียงอย่างสั้น กระชับ มีการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เหมาะสำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ที่นิยมสแกนเฉพาะข้อความสั้นๆ ทำให้อินโฟกราฟิกเหมาะที่จะเป็นการนำเสนอคุณค่าของคอนเทนต์ได้อย่างครบถ้วน (แนะนำ 8 รูปแบบอินโฟกราฟิก นักการตลาดมือใหม่ห้ามพลาด)
4.คอนเทนต์แบบ Listicles
หลายคนอ่านแล้วอาจจะงงว่า คอนเทนต์แบบ Listicles คืออะไร แต่ถ้าพูดว่าเป็นคอนเทต์แบบ “7 เหตุผลที่ห้ามพลาด….” หรือ “5 เทคนิคการเขียน Content Marketing” หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นบทความที่รวบรวมรายการข้อมูลต่างๆ ออกมาลิสต์รายการเป็นข้อๆ เพื่อเป็นการย่อยข้อมูลต่างๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น แทนที่จะเป็นบทความแบบยาวๆ เน้นข้อมูลเนื้อหาอัดกันมาแบบเยอะเกินไป เพราะคอนเทนต์แบบ Listlcles เหมาะสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นความรวดเร็ว ทำให้การอ่านสแกนเร็วๆ ก็ยังเข้าใจได้ง่าย สามารถแชร์ต่อได้ทันที
5. คอนเทนต์ประเภท Guide และ How to
สำคอนเทนต์ Guide หรือ How To จะเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่เปรียบเสมือนการสรุปองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆ เพื่อย่อยออกมาให้ผู้อ่านเข้าใจ สามารถเสพได้ง่าย ที่สำคัญเลยก็คือเมื่ออ่านจบแล้ว สามารถนำไปทำตามได้ทันที แต่ข้อสำคัญคือวิธีการเขียนจะต้องการเป็นเข้าใจเรื่องนั้นๆ หรือมีการตกผลึก มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมากพอ ถึงจะสามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและให้ประโยชน์กับผู้อ่านได้
ทิ้งท้าย
ถ้าอยากให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น แบรนด์จำเป็นต้องมีการวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมและมีความสร้างสรรค์ และควรเลือกใช้คอนเทนต์แต่ละประเภทให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้นั่นเอง
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com