6 ทิปส์ไม่ลับ Optimize รูปภาพให้เหมาะสมกับเว็บไซต์

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
May 12, 2022
Author: Antonio Fernandez
Results Image

มีหลากหลายวิธีในการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม หนึ่งในนั้นคือการทำ “Image Optimization” หรือการปรับแต่งรูปภาพที่อยู่บนเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด เพื่อที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานที่เข้ามายังเว็บไซต์ เผื่อใครที่ยังไม่ทราบ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ในหน้าเว็บไซต์นั้นรูปภาพเป็นส่วนที่กินพื้นที่ถึง 50% นั่นหมายความว่าหากเว็บไซต์มีรูปภาพที่ใหญ่เกินความจำเป็น หรือมีความละเอียดของรูปภาพที่ซับซ้อนจนเกินไป อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ลดลง และเมื่อการทำงานของเว็บไซต์ช้าลงผลก็คือจะเพิ่มความหงุดหงิดให้กับผู้ใช้งานและอัลกอริทึมของกูเกิลด้วยเช่นกัน

สำหรับในบทความนี้มีเคล็ดลับ 6 ข้อที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพสำหรับเว็บไซต์ E-Commerce รับประกันว่าอ่านจบภายใน 5 นาทีแล้วสามารถทำตามได้ทันที

1. รู้จัก Cumulative Layout Shift (CLS)

ก่อนจะเริ่มต้นปรับแต่งรูปภาพ อย่างแรกต้องมาทำความรู้จักกับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เว็บไซต์ถูกนำไปจัดอันดับดีหรือแย่บน Google Search กัน หนึ่งในสิ่งสำคัญที่เป็นเรื่องพื้นฐานที่คนทำ SEO ทุกคนต้องรู้จักคือ Culmulative Layout Shift ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยทั้ง 4 ด้านที่ถูกเรียกรวมกันว่า Core Web Vitals ที่เป็นเกณฑ์การจัดอันดับล่าสุดที่กูเกิลอัปเดตเข้ามา โดยจะมีเกณฑ์การคำนวณที่แตกต่างกันออกไป ใครที่อยากให้เว็บไซต์อยู่บนหน้าแรกก็ต้องทำตามเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ (รู้จัก Core Web Vital เพิ่มเติมจากบทความนี้

สำหรับ CLS จะเป็นการดูความหน่วงของการเคลื่อนไหวบนเว็บไซต์ หรือที่หลายคนมักเรียกกันว่า ”เว็บกระตุก” โดยมีมาตรฐานที่กูเกิลกำหนดเอาไว้ว่าหากมีการขยับของภาพหรือตัวอักษรเท่าไหร่จะทำให้ระบบมองว่าต้องปรับปรุง ข้อแนะนำคือควรตรวจสอบหน้าเว็บไซต์ด้วย Google PageSpeed Insights เพื่อที่จะดูว่าหน้าเว็บไซต์ของเราตอนนี้มีภาพไหนที่ควรปรับปรุงบ้าง

2. ปรับขนาดรูปภาพให้ถูกต้อง

อย่างที่บอกว่าขนาดของรูปภาพมีความสำคัญในแง่ของการประเมินภาพรวมทั้งหมดของเว็บไซต์เพื่อนำไปจัดอันดับ เนื่องจากขนาดภาพที่ใหญ่เกินไปจะทำให้ระยะเวลาในการโหลดบนหน้าเว็บไซต์นานขึ้น และมีโอกาสที่จะทำให้ผู้ใช้งานเกิดอาการหน้าเว็บค้าง กระตุก โหลดไม่ขึ้น ยิ่งในปัจจุบันผู้ใช้งานทั่วไปนิยมใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นหลัก หากหน้าเว็บไซต์มีระยะเวลาการโหลดที่นานเกิน 5 วินาที ก็เตรียมรับแรงกระแทกจากผลลัพธ์แย่ๆ ได้เลย 

ดังนั้นอาจเริ่มต้นด้วยการดูความเหมาะสมของขนาดความกว้างและความสูงของรูปภาพ เพราะการเริ่มจากปรับขนาดของรูปภาพให้ถูกต้องจะช่วยลดการกินทรัพยากรส่วนเกินบนหน้าเว็บไซต์ได้อย่างมหาศาล จากนั้นเมื่อได้ลองปรับรูปภาพแล้วแนะนำว่าควรใช้ Plug-Ins สำหรับการรายงานวัดผลความเร็วของเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น

หลายเว็บไซต์มักตกม้าตายกับเรื่องพื้นฐานแบบนี้กันเยอะมาก ถ้าไม่อยากให้เว็บไซต์ของคุณเป็นหนึ่งในนั้น อย่าลืมที่จะเริ่มต้นด้วยการปรับขนาดรูปภาพให้ถูกต้องและเหมาะสมตามสถานการณ์ต่างๆ

3. เลือกใช้ Image Format ที่เหมาะสม 

“รูปนี้เห็นชัดดี ลูกค้าจะต้องชอบแน่นอน ใช้ไฟล์นี้เลยก็แล้วกัน…” ใครที่มีความคิดแบบนี้แนะนำว่าให้หยุดความคิดไว้ ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป เพราะนอกจากขนาดของรูปภาพจะส่งผลต่อการทำงานของเว็บไซต์แล้ว รูปแบบไฟล์ก็ส่งผลเช่นกัน ดังนั้นการเลือกรูปแบบไฟล์ให้เหมาะสมจึงต้องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวัง เพราะแต่ละรูปแบบไฟล์ก็มีข้อดีและข้อเสียที่ต้องชั่งน้ำหนักก่อนเลือกใช้เสมอ ตัวอย่างเช่น ไฟล์รูปภาพอย่างของ JPEG หรือ WebP แม้ว่าจะมีความคมชัดของรูปภาพที่ไม่สูงมากแต่ก็มีขนาดไฟล์ที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับการใช้งานบนเว็บไซต์ E-Commerce เพราะรูปแบบ JPEG โดยทั่วไปถือว่าให้ภาพที่มีคุณภาพในระดับที่ดี มีขนาดภาพที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เมื่อขยายภาพแล้วอาจจะทำให้ดีเทลของรูปภาพเสียไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ และยังเพิ่มความได้เปรียบให้กับการโหลดหน้าเว็บได้ไวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายงานหลายฉบับที่บอกตรงกันว่า เว็บไซต์ E-Commerce มากกว่า 72% นิยมใช้ไฟล์รูปภาพ JPEG มากกว่าสกุลไฟล์ชนิดอื่น 

4. บีบอัดรูปภาพอย่างเหมาะสม

ปรับขนาดรูปภาพที่เหมาะสมและเลือกใช้รูปแบบไฟล์อย่างถูกต้องแล้ว ก็น่าจะพอแล้วใช่หรือเปล่า? หากคิดแบบนี้ก็เตรียมตัวเสียใจได้เลย เพราะอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้กันคือการบีบอัดรูปภาพให้มีความเหมาะสมที่สุด อย่างที่บอกไปว่าขนาดไฟล์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ฉะนั้นหากจะมีวิธีไหนก็ตามในโลกใบนี้ที่จะมาช่วยย่อขนาดไฟล์และยังคงรักษาคุณภาพของรูปภาพนั้นไว้ได้ ถ้าจะต้องดั้นด้นไปถึงสุดขอบโลกก็ต้องทำ! 

โชคดีเหลือเกินที่โลกทุกวันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จึงง่ายเหมือนกับสั่งของผ่านแอปฯ บนโทรศัพท์มือถือ ด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่ถูกพัฒนาเพื่อการบีบอัดย่อขนาดของรูปภาพ ที่จะยังคงรักษาความละเอียด (Resolution) ของรูปภาพเอาไว้ ในบทความนี้จึงรวบรวมเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยให้การบีบอัดไฟล์รูปภาพง่ายขึ้น มีดังนี้

  • Affinity Photo
  • Pixlr (เน้นไฟล์รูปภาพ JPEG)
  • ImageOptim (ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการ Mac เท่านั้น)
  • ImageCompressor
  • EWWW Image Optimizer
  • TinyPNG
  • OptimusImage Optimizer

5. Unique Photo 

ใครที่เป็นสายคอนเทนต์คงรู้กันดีอยู่แล้วว่า Original Content = SEO RANKING เพราะระบบอัลกอริทึมของกูเกิลในการนำข้อมูลเว็บไซต์ไปจัดอันดับไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซากจำเจ เช่นเดียวกับรูปภาพ การที่เว็บไซต์เลือกใช้รูปภาพที่มีความยูนีคและแตกต่าง จะเป็นเรื่องที่ดีกว่าการใช้รูปภาพที่มีโอกาสเหมือนกับคนอื่น 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเลือกใช้รูปภาพจากเว็บไซต์ Stock Photo ต่างๆ จะเป็นเรื่องต้องห้ามเสมอไป แต่หากอยากให้เว็บไซต์มีอันดับ SEO ที่ดีการเลือกใช้ Original Photo ก็ย่อมส่งผลบวกต่ออันดับ SEO มากกว่า อย่างไรก็ตามหากการหาภาพ Original Photo สำหรับเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถ ข้อแนะนำคือลองเลือกรูปภาพในเว็บไซต์ Stock Photo สัก 2 ถึง 3 รูปภาพ แล้วนำมาตัดต่อให้กลายเป็นภาพใหม่ วิธีนี้กูเกิลก็จะพิจารณาว่าเป็นภาพ Original Photo เช่นกัน 

6. จัดวางรูปภาพอย่างเป็นระบบ

กูเกิลได้อัปเดต Image Guidelines ออกมาให้สำหรับ SEO Specialist ที่ต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google Search โดยมีข้อแนะนำที่น่าสนใจคือ ในการจัดวางโครงสร้างของรูปภาพควรมี File Path และ File Name ที่ชัดเจน เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ระบบของกูเกิลสามารถนำข้อมูลไปประเมินเพื่อจัดอันดับได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นเว็บไซต์ E-Commerce การใส่ชื่อรูปภาพของสินค้าโดยรวมทุกประเภทด้วยกัน เป็นเรื่องที่ควรระวังเพราะจะทำให้กูเกิลประเมินข้อมูลเหล่านี้ยาก แต่หากมีการจัดหมวดหมู่สินค้าอย่างเป็นระบบ เช่น การตั้งชื่อหมวด ให้ตรงตามประเภทสินค้าอย่างผ้าฝ้าย, ผ้าคอตตอน 100, กางเกงขายาว ก็จะทำให้ระบบของกูเกิลสามารถนำข้อมูลไปประเมินการจัดอันดับได้ง่ายมากขึ้น

ท้ายที่สุดการปรับแต่งรูปภาพ (Image Optimization) บนเว็บไซต์เพื่อผลลัพธ์ทาง SEO ยังมีวิธีการอีกหลายอย่าง แต่ 6 วิธีข้างต้นนี้ เป็นเรื่องพื้นฐานเบื้องต้นที่ควรทำเป็นอันดับแรกๆ หากใครที่อ่านจบแล้วแนะนำว่าให้ลองเริ่มต้นทำดูก่อนสักข้อสองข้อ หากอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของกูเกิลเชื่อว่าไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Related Articles

Articles related to the topics covered in this post.

10 สุดยอดบริษัทเอสอีโอที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ปี 2568
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

September 11, 2025

10 สุดยอดบริษัทเอสอีโอที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ปี 2568
ค้นหาบริษัทเอสอีโอที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ สำหรับปี 2568 เปรียบเทียบบริษัทชั้นนำ บริการ และราคา เพื่อเพิ่มอันดับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ...
Google ลบข้อมูลโครงสร้างบางส่วน: คู่มือปี 2025 สำหรับเว็บไซต์
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

September 11, 2025

Google ลบข้อมูลโครงสร้างบางส่วน: คู่มือปี 2025 สำหรับเว็บไซต์
เรียนรู้วิธีการที่ Google กำจัดประเภทข้อมูลโครงสร้าง 7 ประเภทส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ของคุณในปี 2025 รับเคล็ดลับในการปรับปรุงกลยุทธ์ SEO และรักษาอันดับ...
คู่มือ SEO ของ Google: SEO ทำงานอย่างไรและวิธีปรับเว็บไซต์ให้เหมาะสมประจำปี 2025
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

August 28, 2025

คู่มือ SEO ของ Google: SEO ทำงานอย่างไรและวิธีปรับเว็บไซต์ให้เหมาะสมประจำปี 2025
เรียนรู้วิธีการทำงานของ SEO ของ Google ในปี 2025 คู่มือฉบับสมบูรณ์ที่ครอบคลุมเนื้อหา คำหลัก แบ็กลิงค์ SEO ทางเทคนิค และเคล็ดลับการปรับแต่ง SEO ท้องถิ่น...

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

ฟีเจอร์โฆษณาใหม่ของ Meta: Reels กำลังมาแรงและการกำหนดเป้าหมายด้วย AI
โฆษณา Facebook Ads

September 12, 2025

ฟีเจอร์โฆษณาใหม่ของ Meta: Reels กำลังมาแรงและการกำหนดเป้าหมายด้วย AI
ค้นพบการอัปเดตโฆษณาล่าสุดจาก Meta รวมถึงโฆษณา Reels ที่กำลังเป็นที่นิยม การปรับปรุง Threads และการกำหนดเป้าหมายด้วย AI เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับแบรนด์ของคุณ...
แนวโน้มการท่องเที่ยวของ Google ปี 2025: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองเที่ยวบิน
google-trends

September 10, 2025

แนวโน้มการท่องเที่ยวของ Google ปี 2025: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองเที่ยวบิน
ค้นพบช่วงเวลาที่ควรจองเที่ยวบินเพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุดโดยใช้ข้อมูลการเดินทางปี 2025 ของ Google ค้นหาสถานที่ยอดนิยมและช่วงเวลาการจองที่เหมาะสมเพื่อประหยัดเงิน...
วิธีวัดผลตอบแทนจากการลงทุนด้านคอนเทนต์และเพิ่มกำไรสูงสุด
Content Marketing

September 5, 2025

วิธีวัดผลตอบแทนจากการลงทุนด้านคอนเทนต์และเพิ่มกำไรสูงสุด
เรียนรู้วิธีคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนด้านคอนเทนต์ วัดมูลค่าของคอนเทนต์แบบออร์แกนิก และเพิ่มกำไรสูงสุด หยุดติดตามตัวชี้วัดที่ไม่สำคัญและมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ทางธุรกิจจริง...