เช็กลิสต์ 5 สิ่งบนเว็บไซต์ เตรียมความพร้อมกับ Mobile First Indexing

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
June 15, 2022
Author: Antonio Fernandez
Results Image

ในปี 2015 โลกได้รู้จักกับสภาวะ Mobilegeddon ที่ล้อเลียนกับชื่อหนัง Armageddon สมัยนั้น ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนผ่านการเสิร์ชข้อมูลบนเดสก์ท็อปไปเป็นการเสิร์ชข้อมูลผ่านมือถือ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้น นับตั้งแต่นั้นโลกของ Search Engine ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กูเกิลได้มีการอัปเดตอัลกอริทึมในการจัดอันดับเว็บไซต์ให้มีความสำคัญกับการรองรับการใช้งานเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้น อย่างในปี 2018  กูเกิลก็มีการอัปเดต Mobile Speed ให้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับเว็บไซต์ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันก็มีการอัปเดต Core Web Vitals ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้งานบนมือถือ (Mobile Friendly) ฉะนั้นในบทความนี้จะมานำเสนอข้อมูลที่นักการตลาดต้องรู้เกี่ยวกับ Mobile First Indexing ว่าคืออะไร? และชวนมาดูเช็กลิสต์เตรียมความพร้อมให้กับเว็บไซต์ของคุณ 

Mobile-First Indexing คืออะไร?

อย่างที่บอกว่ากูเกิลได้มีการอัปเดตปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการรองรับการใช้งานเว็บไซต์บนโทรศัพท์มือถือให้มากขึ้นมาสักพักแล้ว แต่เมื่อมีนาคม 2021 ที่ผ่านมา กูเกิลได้ประกาศเริ่มใช้ระบบ Mobile First Indexing เพื่อบันทึกและเก็บข้อมูลเว็บไซต์ที่ใช้งานผ่านอุปกรณ์มือถืออย่างเป็นทางการ 

ทีนี้ปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเองผ่านการเขียนโค้ดต่างๆ ที่ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานผ่านมือถือ แต่ในกรณีที่เว็บไซต์ถูกพัฒนาผ่าน WordPress หรือโปรแกรมออกแบบเว็บไซต์สำเร็จรูปที่มีการออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานผ่านมือถืออยู่แล้วก็อาจไม่ได้รับกระทบในส่วนนี้มากนัก ดังนั้นเว็บไซต์ไหนที่ตอนนี้ยังไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ หรือโหลดช้าบนมือถือ รับรองว่าเตรียมเห็นอันดับของเว็บไซต์รูดลงแน่นอน

5 เช็กลิสต์เตรียมความพร้อม

กูเกิลได้มีการแนะนำ Best Practice สำหรับนักการตลาดในการเตรียมความพร้อมกับ Mobile First Indexing (อ่านได้ที่นี่) ต่อไปนี้จะเป็นการสรุปเช็กลิสต์ 5 สิ่งในการเตรียมความพร้อมสำหรับนักการตลาด ดังนี้

1. ตรวจสอบว่า Googlebot สามารถเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ บนเว็บไซต์ได้

สำหรับขั้นตอนนี้ให้เริ่มต้นด้วยการ

2. ตรวจสอบเนื้อหาว่าไม่มีการตกหล่นบนทั้งสองแพลตฟอร์ม

แน่นอนว่าการทำ SEO เนื้อหาคอนเทนต์เป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่ากูเกิลจะคาดหวังให้การใช้งานเว็บไซต์บนมือถือนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักพัฒนาเว็บไซต์จะปรับลดเนื้อหาบางประการเพื่อหวังให้เว็บไซต์สามารถทำงานบนอุปกรณ์มือถือได้ไวขึ้น เพราะนั่นหมายถึงการที่เว็บไซต์อาจได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงในภายหลัง

3. ตรวจสอบ Structured Data

อย่าลืมตรวจสอบโครงสร้างเว็บไซต์ว่าสามารถทำงานได้ดีและไม่มีข้อผิดพลาดบนทั้งสองแพลตฟอร์ม เพราะอย่าลืมว่าในมุมของการทำ SEO นั้น Structured Data คือการจัดเรียงข้อมูลให้อัลกอริทึมของ Search Engine สามารถเข้าใจว่าเนื้อหาของเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับอะไร เพราะยิ่ง Search Engine เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์มากเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ถูกแสดงในหน้า SERPs มากขึ้นเท่านั้น

4. ทำตามข้อแนะนำเพิ่มเติมจากกูเกิล

สำหรับคำแนะนำที่กูเกิลให้ไว้ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับกับ Mobile First Indexing มีดังนี้

  • ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ตรงกันทั้งสองแพลตฟอร์ม
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้รูปภาพบนเว็บไซต์เป็นไปตามแนวทางการทำ SEO
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้วิดีโอบนเว็บไซต์เป็นไปตามแนวทางการทำ SEO
  • หาก URL ของเว็บไซต์แยกกันสำหรับเวอร์ชันเดสก์ท็อปและอุปกรณืมือถือ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการ Verify บน Google Search Console แล้ว

5. รู้ทันปัญหา Mobile Errors

แน่นอนว่านักพัฒนาเว็บไซต์ทุกคนไม่จำเป็นต้องรู้หนทางปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ไปหมดทุกอย่าง แต่วิธีการเริ่มต้นง่ายๆ คือการใช้ Google Search Console เพื่อคอยมองหาปัญหาที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มมือถือ จากนั้นให้เริ่มแก้ไขปัญหาเหล่านั้นไปทีละขั้น เริ่มจากไปตรวจสอบกประสิทธิภาพการทำงานเว็บไซต์บนอุปกรร์มือถือผ่านเมนู “Coverage” และ “Mobile Usability”

แน่นอนว่าโลกอินเทอร์เน็ตตอนนี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนแค่แพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งอีกต่อไปแล้ว การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์มือถือกลายเป็นเรื่องสามัญธรรมดา สำหรับเว็บไซต์ใดที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Mobile First ก็จะได้รับผลกระทบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
General topics

March 11, 2021

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
เป็นเวลานานหลายปีที่นักการตลาดและบริษัทอีคอมเมิร์ซใช้จ่ายเงินไปกับ Google Search Ads เพื่อให้เว็บไซต์และโฆษณาของตนปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาแบบออร์แกนิก อย่างไรก็ตาม Google ได้ลดระดับ Search Ads ลงหนึ่งขั้น และเพิ่ม “แคมเปญ Google Shopping” ไปยังด้านบนของผลการค้นหา แคมเปญ Google Shopping คืออะไร?...
Google Remarketing Ads คืออะไร
General topics

March 11, 2021

Google Remarketing Ads คืออะไร
คุณเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือไม่? ถ้าใช่ ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณมาถูกที่แล้ว! สถิติ แสดงให้เห็นว่าอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าออนไลน์ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นและปัจจุบันสูงถึง 69.57% เราทุกคนเคยผ่านประสบการณ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ออนไลน์เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วจากไปโดยหวังว่าจะกลับมาในภายหลัง ซึ่งมักจะไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อได้ Dynamic Remarketing คืออะไร? กล่าวอย่างง่ายๆ Dynamic Remarketing คือ Google...
General topics

March 11, 2021

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งประเทศไทยหรือไม่?
[vc_row][vc_column][vc_column_text] PDPA คืออะไร? พระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 PDPA ประเทศไทยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงหรือโดยอ้อม PDPA ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้องเจ้าของข้อมูลจากการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของตน กฎหมายนี้ใช้กับองค์กรส่วนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ...