เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา TikTok ได้ประกาศเปิดตัวรูปแบบโฆษณาใหม่เพื่อให้แบรนด์หรือนักการตลาดได้ใช้งานกัน โดยเรียกว่า Interactive Ads (โฆษณาที่สามารถตอบสนองได้) แน่นอนว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือนกำลังมองหาช่องทางใหม่ๆ ให้กับแบรนด์หรือนักการตลาดเพื่อให้มีตัวเลือกในการโฆษณามากขึ้น การเพิ่มรูปแบบโฆษณาใหม่นี้จะทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน และจะมีโฆษณารูปแบบไหนที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์และนักการตลาดบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
การโฆษณารูปแบบใหม่นี้ มีอะไรบ้าง
จากรายงานของ TikTok ระบุว่าการใช้โฆษณาแบบ Interactive Ads จะช่วยเพิ่ม ค่า Conversion, Reach รวมไปถึง Traffic และยอดวิวของแคมเปญโฆษณา โดยจะมีตัวเลือก 2 ระดับ ให้กับแบรนด์หรือนักการตลาดเลือกใช้ตามเป้าหมายของแต่ละแคมเปญ ดังนี้
- Standard Add-ons สำหรับนักการตลาดที่ต้องการเพิ่มยอดคลิกและ ค่า Conversion อาจเลือกใช้รูปแบบโฆษณาแบบ Standard Add-on โดยจะมีโฆษณารูปแบบต่างๆ ให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
- Display Cards สำหรับโฆษณารูปแบบ Display Cards จะเป็นการเน้นสื่อสารด้วยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ข้อเสนอ หรือเชิญชวนผู้ที่พบเห็นให้เข้าไปยังเว็บไซต์ โดยจะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ที่รับชมให้เกิดความรู้สึกอยากคลิก ด้วยภาพที่สะดุดตาและสอดคล้องกับโลโก้ของแบรนด์
- Gift Code Stickers สำหรับโฆษณารูปแบบ Gift Code Stickers จะเป็นการที่ให้แบรนด์สามารถสร้าง Promotional Code เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำโค้ดไปรีดีมเพื่อรับของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแบรนด์ได้ การใช้โฆษณารูปแบบนี้จะเป็นการดึงดูดลูกค้ารายใหม่ได้ดีและก็จะช่วยสร้าง Brand Loyalty ต่อฐานลูกค้าเดิมเช่นกัน
- Voting Stickers สำหรับโฆษณารูปแบบ Voting Stickers จะเป็นการเพิ่มหัวข้อให้ผู้ใช้งานเลือกโหวต โดยหัวข้อที่โหวตนี้จะปรากฏในโฆษณาตลอดเวลาและจะไม่สามารถกดปิดได้จนกว่าโฆษณาจะเล่นจบ การใช้โฆษณารูปแบบนี้จะช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งาน รวมถึงเป็นการรวบรวมคำติชมเพื่อนำไปประเมินกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ต่อไป
- Countdown Stickers สำหรับโฆษณารูปแบบ Countdown Stickers จะเป็นการสร้างตัวนับเวลาถอยหลังเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งาน โดยตัวจับเวลานี้จะปรากฏในโฆษณาตลอดเวลาจนกว่าโฆษณาจะจบลง เมื่อผู้ใช้งานคลิกที่ตัวจับเวลานี้ก็จะถูกพาไปยังหน้า Landing Page ที่ถูกเซ็ตไว้
- Premium Add-ons สำหรับนักการตลาดที่ต้องการสร้างการรับรู้ของแบรนด์และสร้างความรู้สึกใกล้ชิดระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งาน อาจเลือกใช้รูปแบบโฆษณาแบบ Premium Add-ons โดยจะมีโฆษณารูปแบบต่างให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
- Pop-out Showcase สำหรับโฆษณาแบบ Pop-out Showcase จะเป็นการเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยสินค้าที่จะนำมาทำเป็นป๊อปอัปอาจจะเป็นสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะ อย่างเช่น เสื้อผ้าหรือโทรศัพท์มือถือ โดยที่สามารถกำหนดหน้า Landing Page เอาไว้เมื่อผู้ใช้งานกดคลิกที่ป๊อปอัปได้ด้วย
- Gestures สำหรับโฆษณาแบบ Gestures นี้ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ โดยจะเป็นการสร้างโฆษณาที่สามารถให้ผู้ใช้งานโต้ตอบกับโฆษณาด้วยการ Swipe หรือ กด Tap บนหน้าโฆษณาเพื่อรับรางวัลหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ การใช้โฆษณาแบบ Gestures นี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าให้ลึกมากขึ้น
จากการวิจัยโดย Finance Online พบว่าผู้บริโภคมากกว่า 85% มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการหากแบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์การมีส่วนร่วมที่ดีให้ได้ เช่นเดียวกันกับ TikTok ที่พบว่าผู้ใช้งานประเภทที่ “ชอบแชร์หรือแสดงความคิดเห็น” มีแนวโน้มที่จะซื้อหรือเลือกใช้บริการจากคลิปวิดีโอนั้นมากถึง 150%” ในทางการตลาดเรามักเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่า “Brand Engagers” สถิติต่างๆ บอกอย่างชัดเจนว่าหากแบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์การมีส่วนร่วมให้กับผู้ใช้งานได้ก็จะทำให้แคมเปญโฆษณาได้รับผลลัพธ์ที่ดีกลับมาแน่นอน
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com