Google ปล่อยอัปเดต Core Web Vitals แล้วจะส่งผลอะไรกับเว็บไซต์คุณบ้าง?

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
July 2, 2021
Author: Antonio Fernandez
Results Image

เจ้าของแบรนด์และธุรกิจทุกคนที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ล้วนต้องการให้เว็บไซต์นั้นติดอันดับสูงๆ และสามารถขึ้นแสดงบนหน้าแรกของ SERP (Search Engine Result Page) ซึ่งก็ต้องมีการทำ SEO อย่างที่ทราบกัน นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในปัจจัยใหม่ที่ทาง Google ได้อัปเดตมาก็คือ Core Web Vitals แล้วสิ่งนี้จะส่งผลอะไรกับเว็บไซต์ของคุณบ้าง?

Core Web Vitals คืออะไร?

Core Web Vitals คือ ปัจจัยหรือเมตริก (Metric) ที่ใช้ในการวัดมาตรฐานการมอบประสบการณ์ใช้งานของเว็บไซต์ หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ คะแนน UX (User Experience) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุง Page Experience ทั้งหมดให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์นั่นเอง

เหตุที่ Google ได้อัปเดต Core Web Vitals ก็เพื่อที่จะคัดกรองเว็บไซต์ต่างๆ บน SERP (หน้าแสดงผลการค้นหา) ที่มีคุณภาพ มอบประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งานได้ เช่น ความเร็วการโหลดหน้าเว็บ (Google Pagespeed) การใช้งานบนมือถือ (Mobile-friendly), HTTPs และทำการจัดอันดับเว็บไซต์นั้นๆ พร้อมกับร่วมกับอัลกอริทึมอื่นๆ 

ล่าสุดในเดือนมิถุนายน ปี 2021 ทาง Google ก็ได้มีการประกาศใช้งาน Core Web Vitals อย่างเป็นทางการและจะมีการอัปเดตเรื่อยๆ จนสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ปี 2021 นี้ แต่เจ้าของเว็บไซต์ทุกท่านก็อย่ากังวลไป สุดท้ายแล้วคอนเทนต์ที่ดีและมีประโยชน์​สำคัญกว่า Core Web Vitals และปัจจัยอื่นๆ มันจะใช้ตัดสินก็ต่อเมื่อ มีเว็บไวต์ที่มีคอนเทนต์คุณภาพใกล้เคียงกัน เว็บไซต์ที่เร็วกว่าและมอบประสบการณ์การใช้งานดีกว่าก็จะชนะไป และได้อันดับที่สูงขึ้น 

Core Web Vitals ส่งผลต่อการจัดอันดับยังไง?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Core Web Vitals จะส่งผลต่อการพิจารณา ในการจัดอันดับผลการค้นหาทั้งหมด บน Mobile และ Desktop เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์การใช้งานหน้าเว็บได้ดีกว่า ก็จะมีโอกาสได้รับการจัดอันดับ SEO ที่ดีกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้ Core Web Vitals ก็ไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ทุกท่านสามารถปรึกษากับเอนเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการ SEO 

แล้ว Core Web Vitals มีการวัดผลอย่างไร?

สำหรับการวัดผลของ Core Web Vitals ทาง Google จะมีการใช้งาน 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 

มาดูกันว่าแต่ละปัจจัยจะเกี่ยวข้องกับสิ่งใดบนเว็บไซต์ของคุณบ้าง

1. LCP (Largest Contentful Paint)

LCP คือปัจจัยในเรื่องของความเร็วของการโหลด Elements ต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ เช่น รูปภาพ ข้อความ วิดีโอ โดยจะโฟกัสไปที่คอนเทนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 

โดย Google ได้กำหนดมาตรฐานไว้ว่า คอนเทนต์ที่ใหญ่ที่สุดควรใช้เวลาโหลดไม่เกิน 2.5 วินาที และหากใช้เวลาเกิน 4 วินาทีก็ควรมีการปรับปรุง 

ทำไมถึงใช้เวลาโหลด LCP นาน?

ซึ่งมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดเวลาโหลด Elements นาน อาทิ เวลาในการตอบสนองของเซิฟเวอร์ที่ช้า (Slow Server Response Times), การโดนบล็อกด้วยไฟล์ JavaScript และ CSS ขณะทำการแสดงผล, (Render-Blocking JavaScript and CSS), เวลาในการโหลดทรัพยากรช้า (Slow Resource Load Times) เป็นต้น

2. FID (First Input Delay)

First Input Delay คือตัววัดผลความเร็ว (Delay) ในการตอบสนองของเว็บไซต์กับผู้ใช้งาน เมื่อผู้ใช้งาน Interact กับสิ่งต่างๆ บนเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น เมื่อกดปุ่มเมนูแล้วเปลี่ยนหน้าเร็วหรือไม่, Dropdown Menu แสดงเร็วแค่ไหน, กด Submit ใช้เวลาส่งข้อมูลนานเพียงไหน เป็นต้น

สำหรับปัจจัยนี้ Google กำหนดไว้ว่าเว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ที่ดีควรมีการหน่วงเวลาอินพุตน้อยกว่า 100 มิลลิวินาที หรือ 0.1 วินาที 

อะไรทำให้ FID ตอบสนองช้า?

สาเหตุหลักๆ อาจมาการที่เว็บไซต์นั้นมีการประมวลผล Script พร้อมๆ กันมากเกินไป ทำให้ค่า FID นานยิ่งขึ้น เพราะการประมวลผลของ Browser จะไม่ว่าง เนื่องจากทำอย่างอื่นอยู่ จนอาจทำให้มีการตอบสนองที่ช้าลงได้

3. CLS (Cumulative Layout Shift)

ปัจจัยนี้มีไว้เพื่อวัดค่าความเสถียรของ Layout บนเว็บไซต์เมื่อมีการขยับหรือเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดประสบการณ์แย่กับผู้ใช้งาน เช่น ฟอนต์ที่มีขนาดเล็กเกินไป ปุ่มเมนูติดกัน ข้อความถูกเลื่อน ฯลฯ 

Google จะดูว่าเว็บไซต์มีค่า CLS มาน้อยแค่ไหน โดยสังเกตจากขนาดของ Element ที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้นใหญ่แค่ไหน แล้วขยับไปมากเท่าไหร่ โดยคะแนน Cumulative Layout Shift ที่ดีควรจะอยู่ที่ 0.1 หรือไม่เกิน 0.25 

ทำไม Layout ถึงไม่เสถียร?

ปัญหานี้อาจเกิดจากการที่ Layout หรือโครงสร้างของเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงไปเมื่อทำการโหลดข้อมูลครบ เช่น มีโฆษณาแทรก ฟอนต์เปลี่ยนไซส์ หรือ Pop-up ที่มีขนาดไม่แน่นอนทำให้ Layout ถูกขยับไปในที่ที่ไม่ควร ทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เจอกับประสบการณ์ที่ไม่ดีได้นั่นเอง    

Core Web Vitals อาจเป็นเรื่องใหม่ในการทำ SEO ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะจะเป็นส่วนชี้วัดประสบการณ์ที่เว็บไซต์คุณมอบให้กับผู้ใช้งานว่าดีหรือไม่ รวมทั้งส่งผลต่อการจัดอันดับบน SREP 

หากท่านต้องการผู้เชี่ยวชาญบริการ SEO ของเว็บไซต์ สามารถติดต่อ Relevant Audience ผู้ให้บริการด้านการตลาดดิจิทัลชั้นนำ มีบริการ SEO Service Bangkok เราพร้อมให้คำปรึกษา มอบทางแก้ไข และแสดงประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเห็นผล
ติดต่อเราได้ที่

เว็บไซต์ https://www.relevantaudience.com/th/

โทร 02-038-5055

อีเมล: info@relevantaudience.com

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Related Articles

Articles related to the topics covered in this post.

วิธีปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับ Bing Search AI ในปี 2025
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

October 9, 2025

วิธีปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับ Bing Search AI ในปี 2025
เรียนรู้วิธีปรับปรุงเนื้อหาของคุณสำหรับเครื่องมือ Microsoft Search AI เช่น Copilot และ Bing Chat รับกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วเพื่อการมองเห็นที่ดีขึ้น...
Google ยกเลิกพารามิเตอร์ n=100 ในหน้าผลการค้นหา: ผลกระทบต่อ SEO คืออะไร
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

September 26, 2025

Google ยกเลิกพารามิเตอร์ n=100 ในหน้าผลการค้นหา: ผลกระทบต่อ SEO คืออะไร
Google ลบพารามิเตอร์ n=100 ในหน้าผลการค้นหาในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเครื่องมือ SEO และการติดตามอันดับ เรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ SEO และข้อมูลของคุณอย่างไร...
10 สุดยอดบริษัทเอสอีโอที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ปี 2568
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

September 11, 2025

10 สุดยอดบริษัทเอสอีโอที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ปี 2568
ค้นหาบริษัทเอสอีโอที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ สำหรับปี 2568 เปรียบเทียบบริษัทชั้นนำ บริการ และราคา เพื่อเพิ่มอันดับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ...

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
General topics

March 11, 2021

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
เป็นเวลานานหลายปีที่นักการตลาดและบริษัทอีคอมเมิร์ซใช้จ่ายเงินไปกับ Google Search Ads เพื่อให้เว็บไซต์และโฆษณาของตนปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาแบบออร์แกนิก อย่างไรก็ตาม Google ได้ลดระดับ Search Ads ลงหนึ่งขั้น และเพิ่ม “แคมเปญ Google Shopping” ไปยังด้านบนของผลการค้นหา แคมเปญ Google Shopping คืออะไร?...
Google Remarketing Ads คืออะไร
General topics

March 11, 2021

Google Remarketing Ads คืออะไร
คุณเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือไม่? ถ้าใช่ ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณมาถูกที่แล้ว! สถิติ แสดงให้เห็นว่าอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าออนไลน์ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นและปัจจุบันสูงถึง 69.57% เราทุกคนเคยผ่านประสบการณ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ออนไลน์เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วจากไปโดยหวังว่าจะกลับมาในภายหลัง ซึ่งมักจะไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อได้ Dynamic Remarketing คืออะไร? กล่าวอย่างง่ายๆ Dynamic Remarketing คือ Google...
General topics

March 11, 2021

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งประเทศไทยหรือไม่?
[vc_row][vc_column][vc_column_text] PDPA คืออะไร? พระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 PDPA ประเทศไทยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงหรือโดยอ้อม PDPA ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้องเจ้าของข้อมูลจากการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของตน กฎหมายนี้ใช้กับองค์กรส่วนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ...