8 เคล็ดลับการทำ SEO เพื่อปรับปรุงการจัดทำ Search Indexation

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
June 17, 2022
Author: Antonio Fernandez
Results Image

มีคำเปรียบเปรยว่าการทำ SEO ในปัจจุบัน เปรียบได้กับการเล่นเกม Open World ที่ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นมีอะไรให้ทำเยอะไปหมด เริ่มต้นด้วยการทำเควสหลักแต่ไปๆ มาๆ จบด้วยการเกิดอาการหลงทางกับเควสรองที่มีเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการทำ SEO ในปัจจุบัน เพราะองค์ประกอบในการที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกได้นั้น ไม่ได้มีแค่เพียงอย่างสองอย่างเท่านั้น พูดง่ายๆ ว่าตอนนี้การทำ SEO กลายเป็น“งานที่ล้นมือ” พอปรับปรุงส่วนนี้เสร็จ วันรุ่งขึ้นก็ต้องไปปรับอีกส่วนต่อ เชื่อได้ว่าหลายคนที่เป็น SEO Specialist  จะต้องเจอกับการวนลูปแบบนี้จนมีอาการเบลอไม่มากก็น้อย

สำหรับ Search Indexation เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการปรับปรุงเว็บไซต์ตามแนวทาง SEO ที่นักการตลาดมือใหม่หลายคนมักจะไม่ให้ความสำคัญมากเท่าไหร่นัก (อะไรคือ Google Indexing อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้) ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่นี่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เป็นตัวการใหญ่ในการขัดขวางหนทางสู่หน้าแรกของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะอันดับลดลง ยอด Traffic ที่ตก ดังนั้นในบทความนี้จะมาบอกเคล็ดลับ 8 ข้อที่ควรพิจารณาสำหรับการปรับปรุงเว็บไซต์สำหรับการจัดทำ Indexing ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลย

1.ติดตามสถานะการ Crawling ด้วย Search Console

ง่ายที่สุดในการตรวจสอบข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการจัดทำ Indexing คือการหมั่นตรวจสอบสถานะ Crawl อย่างสม่ำเสมอ โดยการใช้ Google Search Console อย่างน้อยทุกๆ 30 – 60 วัน เพื่อเป็นการระบุข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นพร้อมแก้ไขปัญหานั้นอย่างทันท่วงที

โดยปัญหาที่พบเจอได้บ่อยๆ มีดังนี้

2.เว็บไซต์ต้อง Mobile-Friendly 

แน่นอนว่าแนวทาง Mobile-First-Indexing ของกูเกิลได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ถึงเวลาที่นักการตลาดสาย SEO ทุกคนจะต้องดำเนินรอยตามแนวทางนี้อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ การปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับกับการแสดงผลบนเดสก์ท็อปอย่างเดียวในตอนนี้ไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะหากเว็บไซต์แสดงผลบนอุปกรณ์มือถือได้ไม่ดีพอ ไม่ว่าจะติดปัญหาการแสดงเนื้อหาที่ตกหล่น เว็บไซต์โหลดช้า หน่วง กระตุก หรือสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีอะไรก็ตามให้กับผู้ใช้งาน Google อาจไม่สามารถรวบรวมข้อมูลบนเว็บไซต์เพื่อนำไปจัดอันดับได้ 

สำหรับข้อแนะนำในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมในการแสดงผลบนมือถือ มีดังนี้

  • ปรับแต่งเว็บไซต์ตามแนวทาง Responsive Web Design
  • การใช้คำสั่ง Meta Tag ในเนื้อหา
  • การลด On-Page Resources ต่างๆ เช่น CSS และ JavaScript
  • การติดแท็กด้วย AMP cache
  • ทำ Image Optimization
  • ลดองค์ประกอบ UI
  • ใช้ PageSpeed Insights เพื่อปรับปรุงความเร็วในการโหลด
  • อย่าลืมทดสอบเว็บไซต์บนอุปกรณ์มือถืออย่างสม่ำเสมอ

3.อัปเดตเนื้อหาอย่างเป็นประจำ

ผู้เชี่ยวชาญ SEO หลายคนให้คำแนะนำว่าการที่เว็บไซต์มีการอัปเดตเนื้อหาคอนเทนต์อย่างเป็นประจำ จะช่วยให้อัลกอริทึมของ Search Engine รวบรวมข้อมูลบนเว็บไซต์ได้มากขึ้นเช่นกัน 

4.อย่าลืมส่ง XML Sitemap ให้ Search Engine

หนึ่งในเคล็ดลับที่ดีที่สุดประการหนึ่งสำหรับการจัดทำ Indexing คือการส่ง Sitemap ไปยัง Search Engine โดยหากเป็น Google ก็ใช้ Google Search Console ส่วน Microsoft ก็ใช้ Bing Webmaster Tools 

5.ลดเนื้อหาประเภท Duplicate Content

การมีเนื้อหาที่ซ้ำกันหรือ Duplicate Content เป็นจำนวนมาก อาจทำให้อัตราการรวบรวมข้อมูลของอัลกอริทึมของ Search Engine ทำงานช้าลงเป็นอย่างมาก วิธีแก้ปัญหาคือใช้ Canonical Tag เพื่อระบุให้อัลกอริทึมรู้ว่าหน้าไหนที่ต้องจัดทำ Indexing ในกรณีที่เว็บไซต์มีเนื้อหาที่ซ้ำกันอยู่และเป็นการป้องกันไม่ให้หน้าที่มีเนื้อหาซ้ำกันนี้ไปปรากฏในหน้า SERPs 

เพราะหากไม่มีการระบุ Canonical Tag นี้ไว้ อัลกอริทึมจะสุ่มเลือกโดยอัตโนมัติว่าจะจัดทำ Indexing หน้าเว็บไซต์ไหน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการทำ SEO ได้

6. ลด On-Page Resources และเพิ่ม Load Times

เว็บไซต์ที่มีทรัพยากรต่างๆ เยอะจนเกินไปโดยที่ไม่มีการปรับลดขนาดหรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง จะสร้างปัญหาให้อัลกอริทึมที่เข้ามารวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปจัดทำ Indexing โดยเฉพาะองค์ประกอบ Backend ต่างๆ ทั้ง javaScript ไฟล์ CSS รวมไปถึงไฟล์รูปภาพหรือวิดีโอต่างๆ 

ต้องเข้าใจก่อนว่าในแง่หนึ่งไฟล์เหล่านี้อาจช่วยให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจมากขึ้นก็จริง แต่ในทางกลับกันมันก็กลายเป็นตัวการที่สร้างภาระให้กับประสิทธิภาพในด้านอื่นๆ ไปเช่นกัน ดังนั้นหากอยากให้เว็บไซต์ได้รับการรวบรวมข้อมูลโดยอัลกอริทึมของ Search Engine ก็อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์ที่ไม่จำเป็นต่างๆ ถูกลบทิ้งหรือมีการบีบอัด ลดขนาดแล้วหรือยัง

7.อย่าลืมใช้ Noindex Tags 

ในการปรับปรุงเว็บไซต์คุณอาจพบว่ามีหน้าเว็บไซต์บางหน้าที่คุณไม่ต้องการให้อัลกอริทึมของกูเกิลมาจัดทำ Indexing เพื่อนำไปประเมินผลในการจัดอันดับเว็บไซต์ อย่างเช่น หน้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาประเภท Duplicated Content หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม 

สำหรับการป้องกันไม่ให้อัลกอริทึมของกูเกิลเข้ามาจัดทำ Indexing โดยส่วนใหญ่นิยมใช้การระบุหน้าเว็บไซต์นั้นด้วยแท็ก noindex ซึ่งสามารถทำผ่าน Screaming Frog หรือ ปลั๊กอิน Yoast บน WordPress ได้อย่างง่ายดาย

8.กำหนด Crawl Rate

สำหรับการกำหนด Crawl Rate หมายถึงการกำหนดอัตราการรวบรวมข้อมูลของ Googlebot ที่จะถูกส่งมายังเว็บไซต์ ในกรณีที่พบว่าเว็บไซต์มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดทำ Indexing ให้ลองมาปรับเพิ่มลด Crawl Rate โดยมีวิธีดังนี้

  • ไปที่หน้า Crawl Rate Setting 
  • หากมีการระบุว่า “Calculated as Optimal” นั่นหมายความว่าหากต้องการปรับลด Crawl Rate จะต้องยื่นคำร้องไปยังกูเกิล
  • หากในกรณีที่ไม่ได้ขึ้นว่า “Calculated as Optimal” ก็สามารถปรับได้ตามต้องการโดย Crawl Rate ใหม่นี้จะมีอายุการใช้งาน 90 วัน

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Related Articles

Articles related to the topics covered in this post.

Google Trends API: เข้าถึงข้อมูลการค้นหาแบบโปรแกรมได้
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

July 27, 2025

Google Trends API: เข้าถึงข้อมูลการค้นหาแบบโปรแกรมได้
เรียนรู้ว่า Google Trends API ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลแนวโน้มการค้นหาได้ง่ายขึ้นสำหรับการวิเคราะห์และการวิจัยในระดับใหญ่...
การอัปเดตของ Google มิถุนายน 2025: สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

July 21, 2025

การอัปเดตของ Google มิถุนายน 2025: สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้
เรียนรู้เกี่ยวกับการอัปเดตของ Google ในเดือนมิถุนายน 2025 และผลกระทบต่อการจัดอันดับการค้นหา ค้นพบข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับ MUVERA, GFM และกลยุทธ์ SEO เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น...
กฎใหม่ของ Meta สำหรับเนื้อหาต้นฉบับ
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

July 15, 2025

กฎใหม่ของ Meta สำหรับเนื้อหาต้นฉบับ
เรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายล่าสุดของ Meta ส่งผลต่อผู้สร้างเนื้อหาอย่างไร และคุณต้องทำอะไรเพื่อให้สอดคล้องกับกฎ...

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

คู่มือรายงานช่องทาง Performance Max ของ Google ปี 2025
Google Ads

September 2, 2025

คู่มือรายงานช่องทาง Performance Max ของ Google ปี 2025
เรียนรู้วิธีใช้การรายงานช่องทาง Performance Max ใหม่ของ Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณ รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพช่องทางและคุณสมบัติการรายงาน...
คู่มือ SEO ของ Google: SEO ทำงานอย่างไรและวิธีปรับเว็บไซต์ให้เหมาะสมประจำปี 2025
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

August 28, 2025

คู่มือ SEO ของ Google: SEO ทำงานอย่างไรและวิธีปรับเว็บไซต์ให้เหมาะสมประจำปี 2025
เรียนรู้วิธีการทำงานของ SEO ของ Google ในปี 2025 คู่มือฉบับสมบูรณ์ที่ครอบคลุมเนื้อหา คำหลัก แบ็กลิงค์ SEO ทางเทคนิค และเคล็ดลับการปรับแต่ง SEO ท้องถิ่น...
เครื่องมือความภักดีโฆษณา Google เปลี่ยนโฉมการตลาดค้าปลีกปี 2025
Google Ads

August 27, 2025

เครื่องมือความภักดีโฆษณา Google เปลี่ยนโฉมการตลาดค้าปลีกปี 2025
เรียนรู้วิธีที่คุณสามารถใช้คุณสมบัติความภักดีของ Google Ads เพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกเพิ่มยอดขายด้วยการช้อปปิ้งส่วนบุคคล ราคาสำหรับสมาชิก และการรักษาลูกค้าที่ดีขึ้นในปี 2025...