ปรับปรุงเว็บไซต์เก่าให้กลับมาปังอีกรอบ ด้วยเทคนิค SEO Audit

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:
May 20, 2022
Author: Antonio Fernandez
Results Image

จากการรายงานล่าสุดของ Techradar พบว่า 547,200 คือตัวเลขของ “เว็บไซต์” ที่เกิดขึ้นใหม่ในแต่ละวัน นั่นหมายความว่ากูเกิลจะต้องคอยรวบรวมและนำไปประเมินในการจัดอันดับเว็บไซต์ (Search Engine Ranking) อยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าด้วยข้อมูลที่มีจำนวนมากจำเป็นที่จะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ เว็บไซต์ไหนที่มีการเตรียมความพร้อมในการทำ SEO มาอย่างดี ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะติดอันดับผลการค้นหาในหน้าแรกบน Google Search แบบสบายๆ ในทางกลับกัน เว็บไซต์ไหนที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กับการทำ SEO หรืออาจจะทำมาบ้างแล้วแต่ยังไม่มีคุณภาพมากพอ กูเกิลก็อาจจะไม่ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์นั้นเลยก็ได้

หากต้องการให้เว็บไซต์เจิดจ้าบนหน้า SERP (Search Engine Result Page) ของ Google หนทางเดียวในตอนนี้คือใช้หลักการง่ายๆ ในการปัดฝุ่นเว็บไซต์ให้กลับมาดูใหม่และน่าสนใจอีกครั้งด้วยสิ่งที่เรียกว่า SEO Audit  ที่จะมาตอบโจทย์ให้กับใครที่รู้สึกว่า “ทำเว็บไซต์มาตั้งนาน ทำไมยังสู้เว็บไซต์ของเจ้าใหญ่ๆ ไม่ได้สักที?” หรือ “ทำไมเว็บไซต์ขึ้นหน้าแรกไปแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็ตกลงอย่างรวดเร็ว?” เพราะในการทำ SEO Audit ก็จำเป็นที่จะต้องมีความรู้พื้นฐานในการทำความเข้าใจหลักโครงสร้างต่างๆ ของเว็บไซต์หรือหลักการในการทำ SEO มาแล้วบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ควรเลือกผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาปรับปรุงเว็บไซต์ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่โชคดีที่โลกในตอนนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีมากมาย จึงมีเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยให้มือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นทำ SEO สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิคของเว็บไซต์ให้กลับมาปังใหม่อีกครั้ง ในบทความนี้จะพามือใหม่ทุกท่านไปทบทวนประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการทำ SEO Audit และมาดูกันว่ามีเครื่องมือไหนที่จะช่วยตอบโจทย์ได้บ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

โครงสร้างเว็บไซต์

ลองเริ่มต้นด้วยการมานั่งทบทวนประเด็นเบื้องต้นต่างๆ ที่สำคัญกับการทำ SEO ให้เว็บไซต์กันหน่อยดีกว่า เริ่มจาก

ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

อย่างที่รู้กันดีว่ากูเกิลให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) มากขึ้น เห็นได้จากการใช้มาตรวัดตัวใหม่อย่าง Core Web Vital เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับเว็บไซต์ โดยประสบการณ์ใช้งานในที่นี้อาจจะหมายถึงคำถามง่ายๆ อย่างเว็บไซต์โหลดช้าเกินไปไหม? เว็บไซต์แสดงผลบนมือถือได้ดีหรือไม่? และเว็บไซต์นี้ใช้งานยากเกินไปหรือเปล่า? ฉะนั้นหากต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์เพื่อให้ตอบโจทย์ประสบการณ์ของผู้ใช้งานอาจต้องพิจารณาในองค์ประกอบต่างๆ ต่อไปนี้ 

เครื่องมือในการทำ SEO Audit

ต่อไปนี้จะเป็นเคล็ดลับเล็กๆ ในการใช้เครื่องมือปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิคบนเว็บไซต์ ซึ่งสำหรับใครที่มีประสบการณ์ทำ SEO Audit มาก่อนแล้ว อาจจะใช้เครื่องมือที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบทความนี้จะขอเลือกใช้เครื่องมือที่ใช้งานง่าย และเหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งหัดทำ SEO 

Semrush Site Audit 

สำหรับ Semrush เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือยอดฮิตของ SEO Specialist หากใครที่ต้องการทำ Site Audit ก็สามารถทำผ่านเครื่องมือนี้ได้ง่ายๆ โดยหลังจากที่สร้าง Project บนโปรแกรมแล้วก็สามารถเรียกใช้ฟังก์ชันนี้ได้ทันที

จากนั้นลองคลิกที่แท็บ “Issues” โปรแกรมจะแสดงรายการปัญหาต่างๆ โดยละเอียด โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนข้อผิดพลาดต่างๆ 

หากต้องการดูว่ามีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นบ้าง ก็สามารถคลิกไปที่แต่ละรายการเพื่อดูปัญหานั้นได้ 

Screaming Frog

Screaming Frog เป็นเครื่องมือที่จะช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเชิงเทคนิคในการทำ SEO ไม่ว่าเว็บไซต์นั้นจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ การใช้งานก็เข้าใจง่าย ใช้งานไม่ยากเพียงแค่ใส่โดเมนเว็บไซต์ลงไป จากนั้นโปรแกรมจะสแกนเว็บไซต์และลิสต์รายการต่างๆ ขึ้นมา

อย่างเช่น ในรายงานนี้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับ Meta Title สำหรับแต่ละหน้าบนเว็บไซต์ จากนั้นก็สามารถปรับแต่งและแก้ไขให้เว็บไซต์กลับมาติดอันดับได้ทันที

ท้ายที่สุดอย่าลืมที่จะตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรมอาจมีเป็นโหลหรือสองสามร้อยรายการที่จำเป็นต้องถูกแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างเว็บไซต์ อย่ากังวลเวลาที่เห็นว่าเว็บไซต์ของเราเจอปัญหาถึงสองสามร้อยรายการ ให้นึกภาพตามว่าเมื่อปัญหาต่างๆ ค่อยๆ ถูกแก้ไขไปทีละอย่าง อันดับของเว็บไซต์จะมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com 

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com 

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

แชร์ไปยัง:
คัดลอกลิงก์:

Latest Updates

Our most recently updated articles across all topics.

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
General topics

March 11, 2021

แคมเปญ Google Shopping เข้าแทนที่ Google Search Ads
เป็นเวลานานหลายปีที่นักการตลาดและบริษัทอีคอมเมิร์ซใช้จ่ายเงินไปกับ Google Search Ads เพื่อให้เว็บไซต์และโฆษณาของตนปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาแบบออร์แกนิก อย่างไรก็ตาม Google ได้ลดระดับ Search Ads ลงหนึ่งขั้น และเพิ่ม “แคมเปญ Google Shopping” ไปยังด้านบนของผลการค้นหา แคมเปญ Google Shopping คืออะไร?...
Google Remarketing Ads คืออะไร
General topics

March 11, 2021

Google Remarketing Ads คืออะไร
คุณเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือไม่? ถ้าใช่ ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณมาถูกที่แล้ว! สถิติ แสดงให้เห็นว่าอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าออนไลน์ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นและปัจจุบันสูงถึง 69.57% เราทุกคนเคยผ่านประสบการณ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ออนไลน์เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วจากไปโดยหวังว่าจะกลับมาในภายหลัง ซึ่งมักจะไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อได้ Dynamic Remarketing คืออะไร? กล่าวอย่างง่ายๆ Dynamic Remarketing คือ Google...
General topics

March 11, 2021

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งประเทศไทยหรือไม่?
[vc_row][vc_column][vc_column_text] PDPA คืออะไร? พระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 PDPA ประเทศไทยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงหรือโดยอ้อม PDPA ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้องเจ้าของข้อมูลจากการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของตน กฎหมายนี้ใช้กับองค์กรส่วนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ...