Table of Contents

  • กฏหมายในประเทศและกฏหมายระหว่างประเทศ (National and International Laws)

First-Party Data ได้กลายมาเป็นคำศัพท์ยอดฮิตในแวดวงการตลาดออนไลน์ สำหรับใครที่มีประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์คงพอที่จะผ่านหูผ่านตากันมาแล้วบ้าง กับการเปลี่ยนแปลงที่ให้แบรนด์เป็นคนเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานได้โดยตรง และเปิดทางเลือกให้ผู้ใช้งานมีสิทธิ์ที่จะเลือกให้หรือไม่ให้แอปฯ หรือแพลตฟอร์มต่างๆ เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานได้ นอกเหนือจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมาก ทำให้การเก็บข้อมูลแบบ First-Party Data กลายเป็นระเบียบแบบแผนใหม่ที่ถูกกำหนดเป็นค่าเริ่มต้นในการเก็บข้อมูลเพื่อการตลาดออนไลน์ไปโดยปริยาย

ในบทความนี้ Relevant Audience จะชวนนักการตลาดมาเช็คลิสต์ 4 ข้อว่าพร้อมแล้วหรือยังสำหรับการปรับเปลี่ยนมาเก็บข้อมูลแบบ First-Party Data 

1.ปฏิบัติตามข้อกำหนดเป็นสิ่งสำคัญ

มีข้อควรพิจารณาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดการเก็บข้อมูลแบบ First – Party Data ดังนี้

สิ่งสำคัญคือแบรนด์จะต้องมีการจัดเก็บข้อมูล First-Party Data อย่างถูกกฏหมายตามหลักสากล ตัวอย่างเช่น  GDPR (General Data Protection Regulation) หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) 

  • การติดตามข้อมูล (Tracking Data)

การติดตามข้อมูลเป็นเรื่องที่ต้องพึงระวังทั้งสำหรับนักการตลาดและผู้ใช้งาน สำหรับนักการตลาดที่ใช้ Google Analytics ในการทำงานจำเป็นต้องใช้ Global Site Tags (สอดคล้องกับข้อกำหนดของ GDPR) และต้องได้รับการยืนยันจากผู้ใช้งานว่ายินยอมให้มีการติดตามข้อมูล

2.กระบวนการยินยอมของผู้ใช้งาน ต้องสร้างความเชื่อมั่น

กระบวนการยินยอมให้มีการติดตามข้อมูลของผู้ใช้งานเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะฉะนั้นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้ามนี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่คอยฉุดรั้งยอด Engagement ของแบรนด์ได้ เช่นนั้นในการออกแบบเว็บไซต์อย่าลืมที่จะพิจารณาให้รอบคอบและสร้างสรรค์เสมอ ปัจจุบันมีแนวทางที่หลากหลายที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้มากขึ้น เช่น

  • คำอธิบายต้องเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และบอกแบบตรงไปตรงมา
  • มีลิงก์ที่เชื่อมต่อไปยังนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy or Cookie Policy)
  • ผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธก็ได้

การใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์ของแบรนด์จะสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น

ในหน้าการยินยอมการติดตามข้อมูลของผู้ใช้งานของเว็บไซต์ Hubspot’s มีการใช้ข้อความที่ระบุว่า “เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้เว็บไซต์ Hubspot เป็นพื้นที่ที่ดีขึ้น เพราะคุกกี้จะช่วยมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวให้เพิ่มมากขึ้นและมีการจำกัดโฆษณาที่เหมาะสมให้แก่คุณ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดคลิกดูเพิ่มเติม” จะเห็นได้ว่าการสื่อสารแบบตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์กลายเป็นการสร้าง CTA ที่น่าสนใจให้กับผู้ใช้งาน เป็นต้น

3.เก็บข้อมูล First-Party Data แบบเต็มประสิทธิภาพแล้วหรือไม่ ?

แน่นอนว่าข้อมูลแบบ First-Party Data มีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่ช่วยในการกำหนดกลุ่ม Target Audience ไปจนถึงการติดตามพฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้อาจเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้นักการตลาดมือใหม่ตกหลุมพรางในการใช้ข้อมูลเพียงช่องทางเดียว 

สิ่งสำคัญคืออย่าลืมที่จะตั้งค่าให้รายชื่อ Customer List ในลักษณะที่สามารถซิงค์กับแพลตฟอร์มโฆษณาอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น LinkedIn, Facebook, Google, Microsoft และ Twitter เพราะการเลือกใช้กลุ่ม Audience ที่หลากหลายตามแต่ละแพลตฟอร์มจะช่วยให้เพิ่มโอกาสในการค้นหาผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหม่ 

4.ควรรีบย้ายในทันทีหรือไม่ ?

หากตัดสินใจได้แล้วว่าจะเริ่มใช้การเก็บข้อมูลแบบ First-Party Data คำถามที่มักตามมาคือ แล้วจะเริ่มเปลี่ยนได้ตอนไหน? หรือผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวเป็นอย่างไร? เรื่องนี้อาจต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจตามมาในภายหลังได้

แน่นอนว่าในการเปลี่ยนโครงสร้างการเก็บข้อมูลเป็นเรื่องใหญ่ ตัวอย่าง เช่น หากโครงสร้างโดเมนในปัจจุบันของเว็บไซต์ไม่ได้มีการรองรับสำหรับการเก็บชุดข้อมูลแบบ First-Party Data อาจเป็นเรื่องยุ่งยากในการตัดสินใจว่าจะปรับเปลี่ยนในทันทีหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลในระยะยาวแต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น อย่างไรก็ตามในยุคที่การแข่งขันต้องขึ้นอยู่กับ Personalization มากขึ้น การปรับเปลี่ยนธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัวให้ไวอยู่เสมอ อย่าลืมว่าภายในปี 2023 กูเกิลจะหยุดซัพพอร์ต Third-Party Data โดยสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นนักการตลาดที่ดีต้องไม่ลืมที่จะบาลานซ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เกิดโซลูชันที่ดีที่สุดต่อแคมเปญโฆษณาของแบรนด์

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com 

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com 

Antonio Fernandez

Antonio Fernandez

ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Relevant Audience ผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เขาได้นำพาทีมงานในการสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันดิจิทัลที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

การเชี่ยวชาญ Google Search Console เพื่อ SEO ที่ดีขึ้น
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

May 20, 2025

การเชี่ยวชาญ Google Search Console เพื่อ SEO ที่ดีขึ้น
เรียนรู้วิธีใช้ Google Search Console อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาของเว็บไซต์และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว...
วิธีวางแผนงบประมาณการตลาดดิจิทัลของคุณสำหรับปี 2025
การตลาดดิจิตอล

May 20, 2025

วิธีวางแผนงบประมาณการตลาดดิจิทัลของคุณสำหรับปี 2025
เรียนรู้วิธีสร้างงบประมาณการตลาดดิจิทัลอย่างชาญฉลาดสำหรับปี 2025 คู่มือนี้ครอบคลุมช่องทางหลักๆ กลยุทธ์การจัดสรร และข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง...
คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับ SEO ในกรุงเทพฯ ปี 2025
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

May 20, 2025

คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับ SEO ในกรุงเทพฯ ปี 2025
เรียนรู้กลยุทธ์ SEO ที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มอันดับธุรกิจของคุณในกรุงเทพฯ รับเคล็ดลับเกี่ยวกับ SEO ท้องถิ่น การวิจัยคำหลัก และการปรับแต่ง Google Business Profile...
7 กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลยอดนิยมสำหรับธุรกิจไทยในปี 2025
การตลาดดิจิตอล

May 20, 2025

7 กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลยอดนิยมสำหรับธุรกิจไทยในปี 2025
ค้นพบกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลชั้นนำที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตในปี 2025 ตั้งแต่ SEO ไปจนถึงโซเชียลมีเดีย เรียนรู้วิธีขยายแบรนด์ของคุณ...