ในโลกการตลาดดิจิทัลที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น หลายธุรกิจให้ความสำคัญกับการเพิ่มการมองเห็น และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์ โดย 2 กลยุทธ์ ที่มักถูกนำมาใช้ คือ SEO (Search Engine Optimization) และ SEM (Search Engine Marketing) แล้ว SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร?
ในบทความนี้ Relevant Audience จะพามาเทียบความแตกต่างของ SEO กับ SEM แบบเจาะลึก พร้อมแนะนำกลยุทธ์เพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร?
ใจความสำคัญที่ทำให้ SEO กับ SEM แตกต่างกัน คือ จุดประสงค์ โดย SEO มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์การค้นหาแบบออร์แกนิก ในขณะที่ SEM มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์การค้นหาแบบออร์แกนิกและแบบโฆษณา (PPC)
SEO คืออะไร?
SEO คือ กระบวนการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ในหน้าการค้นหาแบบออร์แกนิก ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
1. Keyword Research
Keyword Research หรือการวิจัยคีย์เวิร์ด คือ กระบวนการค้นหา วิเคราะห์ และเลือกคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ในการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบนเสิร์ชเอนจิน เพื่อนำมาปรับใช้ในการสร้างเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นในหน้าการค้นหา โดยเครื่องมือที่ใช้ทำวิจัยคีย์เวิร์ด ได้แก่ Ahrefs’ Keywords Explorer และ Google Keyword Planner เป็นต้น
2. On-page SEO
On-page SEO คือ การปรับองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ให้ตรงกับมาตรฐานของเสิร์ชเอนจิน รวมถึงความสนใจ ความต้องการ และประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งาน โดยครอบคลุมตั้งแต่การใช้ URL ที่เหมาะสม การแทรกลิงก์ภายใน (Internal Link) การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับสมาร์ตโฟน (Mobile Friendly) ไปจนถึงการสร้างเนื้อที่มีคุณภาพสูง ซึ่งขึ้นอยู่กับคำหรือวลีที่เลือกใช้ ยกตัวอย่าง
- กลุ่มเป้าหมายที่ค้นหา “seo vs sem” ต้องการเรียนรู้ความแตกต่างของทั้ง 2 กลยุทธ์ ดังนั้นจึงคาดหวังเนื้อหาที่ช่วยอธิบายความแตกต่างของ SEO และ SEM ได้อย่างชัดเจน
- กลุ่มเป้าหมายที่ค้นหา “เสื้อผ้าเด็ก” ต้องการซื้อของ ดังนั้นจึงคาดหวังผลลัพธ์การค้นหาที่เป็นร้านค้าเสื้อผ้าเด็กออนไลน์
3. Off-page SEO
Off-page SEO คือ กระบวนการนอกเว็บไซต์ที่มีผลต่อการประเมินของเสิร์ชเอนจิน ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าการค้นหา โดยกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการทำ Off-page SEO คือ การสร้างแบล็คลิงก์ (Backlinks) หรือลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ปัจจัย การจัดอันดับในหน้าการค้นหาของกูเกิล (Google)
โดยแบล็คลิงก์เปรียบเสมือการโหวตจากเว็บไซต์อื่นๆ หากเว็บไซต์ของคุณได้รับแบล็คลิงก์จากเว็บอื่นๆ มาก โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง อัลกอริทึมของเสิร์ชเอนจินจะประเมินว่า เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือสูงตามไปด้วย และมีแนวโน้มที่จะถูกจัดอันดับที่สูงขึ้นในหน้าการค้นหา
4. Technical SEO
Technical SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ในด้านเทคนิคเพื่อให้เสิร์ชเอนจินสามารถเข้าถึง เข้าใจ และจัดอันดับเนื้อหาบนเว็บไวต์ได้ดีขึ้น โดยครอบคลุมตั้งแต่การตรวจสอบและแก้ไขลิงก์เสีย การใช้ HTTPS การป้องกันเนื้อหาซ้ำซ้อน และอื่นๆ
SEM คืออะไร?
SEM คือ การผสานระหว่าง SEO และ PPC (Pay-Per-Click) เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การค้นหาทั้งแบบออร์แกนิกและแบบจ่ายเงิน
PPC คืออะไร?
PPC เป็นรูปแบบของการโฆษณาที่คิดค่าค่าใช้จ่ายต่อการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ โดยมี 4 องค์ประกอบ ที่เกี่ยวข้อง คือ
1. Keyword Research
ในแง่มุมของ PPC การวิจัยคีย์เวิร์ดจะครอบคลุมทั้งคำหรือวลีที่เกี่ยวข้อง และค่าใช้จ่ายของคำหรือวลีนั้นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายต่อคลิก (Cost-Per-Click หรือ CPC) สำหรับ “เสื้อผ้าเด็ก” มากกว่าสองเท่าของ “เสื้อผ้าเด็กผู้หญิงน่ารัก”
2. Bid Setting
Bid Setting หรือการตั้งค่าการประมูล คือ การกำหนดจำนวนเงินสูงสุดสำหรับค่าใช้จ่ายต่อคลิก
3. การสร้างโฆษณา
การสร้างโฆษณา คือ กระบวนการออกแบบ และสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพเพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย โดยโฆษณาที่มีคุณภาพสูงจะได้รับการแสดงผลมากกว่า และมีค่าใช้จ่ายต่อคลิกถูกลง
4. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เห็นโฆษณา
สรุปข้อดี SEO กับ SEM
การทำ SEO มีข้อดี คือ ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่ใช้เวลานานกว่ามาก หากเทียบกับการทำ PPC โดย PPC มีข้อดี คือ กลุ่มเป้าหมายสามารถเห็นโฆษณาได้ทันที แต่มาพร้อมค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่มีการคลิก ยิ่งมีจำนวนคลิกมาก ค่าใช้จ่ายจะยิ่งเพิ่มมากตามไปด้วย แล้วควรเลือก SEO หรือ PPC?
ในปัจจุบันธุรกิจจำนวนไม่น้อยเลือกใช้กลยุทธ์ SEM ที่ผสานทั้ง PPC และ SEO เข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการทำ PPC เพียงอย่างเดียว และช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการทำเฉพาะ SEO
เกี่ยวกับ Relevant Audience
พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)
บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com