สำหรับนักการตลาดที่ใช้งาน Google Ad Manager เป็นเครื่องมือหลักในการทำงานแคมเปญโฆษณา คงจะเห็นอัปเดตใหม่ล่าสุดในช่วงต้นเดือนมิถุนายนจากกูเกิลกันมาแล้วบ้าง โดยรายละเอียดอัปเดตล่าสุดจากกูเกิลนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงฟีเจอร์บางอย่าง พร้อมกับประกาศแผนอัปเดตเพิ่มเติมที่จะมาในอนาคต
สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงนี้แบบลงลึกและรู้จริง ในบทความนี้ได้สรุปรายละเอียดต่างๆ ของทั้งฟีเจอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงพร้อมกับแผนการอัปเดตที่กำลังจะมาในอนาคต
Google Ad Manager มีอะไรอัปเดตใหม่บ้าง?
สำหรับการอัปเดตใหม่ในครั้งนี้ของ Google Ad Manager มาพร้อมกับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง 4 ส่วนสำคัญ ดังนี้
1. Manage Inventory
สำหรับการอัปเดตในส่วนของฟังก์ชัน Manage Inventory มีดังนี้
- PPID Time-to-Live (TTL) Extension สำหรับการอัปเดตนี้จะเป็นการขยายระยะเวลาของ PPID จากเดิมที่จำกัดที่ 90 วัน เป็น 180 วัน โดยกูเกิลระบุว่าการอัปเดตนี้จะช่วยให้นักการตลาดสามารถมีความยืดหยุ่นในการทำงานได้มากขึ้น
2. Manage Network Setting
สำหรับการอัปเดตในส่วนของฟังก์ชัน Manage Network Setting มีดังนี้
- Optimize Pricing – สำหรับฟีเจอร์นี้จะเป็นการอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถปรับปรุงราคาเพื่อเพิ่ม Auction Floor เพื่อแสดงข้อมูลของ Inventory’s Value ได้แม่นยำมากขึ้น โดยฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น (Default) แต่สำหรับใครที่ไม่ต้องการใช้งานสามารถปิดได้ผ่านการตั้งค่าในหน้าเมนู Network Settings
- Facebook Rebranded – หลายคนรู้กันดีว่า Facebook ได้รีแบรนด์เป็น Meta มาสักพักแล้ว โดยการอัปเดตนี้จะเป็นการปรับให้ผู้ใช้งานทุกคนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ในทุกการอ้างอิงบน Google Ad Manager
- Block Ad Experiences – สำหรับการอัปเดตนี้จะเป็นการปรับปรุงฟังก์ชัน “Allow Video Ads” โดยจะเพิ่มฟังก์ชันการบล็อกโฆษณาประเภท Non-Instream Video Ads โดยจะถูกปรับใหม่เป็นฟีเจอร์ “Block Non-Instream Video Ads”
- SupplyChain Object Complete – สำหรับนักการตลาดที่ใช้งาน MCM Manage Inventory ตอนนี้กูเกิลได้ปล่อยอัปเดต SupplyChain Object เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับไฟล์ประเภท ads.txt, vendors.json แล้ว
3. Report and Optimize
- Google Analytics 4 – สำหรับใครที่ใช้ Google Analytics 4 ตอนนี้กูเกิลได้ผสานรวมการทำงานระหว่าง GA4 และ Ad Manager แล้วสำหรับการดูข้อมูล Analytics ต่างๆ โดยสามารถเชื่อมต่อทั้งสองบัญชี (อ่านวิธีเชื่อมต่อได้ที่นี่)
- Bid Rejection Reason – สำหรับนักการตลาดที่เคยโดน Bid Reject ตอนนี้กูเกิลได้อัปเดต “Bid Rejection Reason” ที่จะช่วยเพิ่มความละเอียดมากขึ้นในการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับ Bid Rejection
4. Help Center Update
- WebView API for Ads – สำหรับนักการตลาดที่ต้องการสร้างรายได้ผ่าน WebView Content ตอนนี้กูเกิลได้ปลดล็อกให้แล้วเพื่อช่วยให้นักพัฒนาแอปฯ สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมผ่าน WebView Content
อัปเดตที่จะตามมาในอนาคต
สำหรับแผนอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ในอนาคตที่กูเกิลประกาศออกมาแล้ว มีดังนี้
- อัปเดต Active View Measurement – สำหรับอัปเดตนี้จะเป็นการปรับเปลี่ยนมุมมองการวัดผลแบบเดิมที่เป็น Proprietary เปลี่ยนเป็นแบบ Open Measurement (OM)
- app-ads.txt สำหรับ CTV – ในไม่กี่เดือนข้างหน้ากูเกิลจะบังคับให้นักการตลาดทุกคนทำตามมาตรฐานของ Interactive Advertising Bureau (IAB) สำหรับการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มแบบ CTV โดยจำเป็นจะต้องมีการจัดการเกี่ยวกับไฟล์ app-ads.txt ให้ถูกต้อง (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่)
- Query Migrations – เพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น กูเกิลจะเริ่มการย้ายข้อความค้นหาของรายงานประเภท “Ad Exhange Historical” ไปยังหมวดหมู่รายงาน “Historical” โดยตรงเพื่อป้องกันความสับสนของผู้ใช้งาน
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com