นักการตลาดมือใหม่หลายคนที่กำลังเริ่มต้นทำ Content Marketing อยู่ คงมีคำถามมากมายว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เพราะมีข้อมูลเต็มไปหมดแต่ไม่รู้จะสื่อสารอย่างไรให้คนทั่วไปเข้าใจได้แบบไม่ยาก พอไปถามผู้เชี่ยวชาญ ก็มีแต่คนแนะนำว่าให้ลองทำเป็น ”อินโฟกราฟิก” แต่เชื่อได้เลยว่าหลายคนก็ยังไม่มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้หรือเปล่า
สำหรับใครที่กำลังกังวลเกี่ยวกับการทำอินโฟกราฟิกว่ามันจะดู “Out of Trend” ไปแล้วหรือยัง? ต้องบอกอย่างนี้ว่ามีการสำรวจจากหลายสื่อในแวดวงการตลาดออนไลน์ที่ระบุว่าปัจจุบันในหมู่ของนักการตลาดแบบ B2B ใช้งานอินโฟกราฟิกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 67% ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และ 49% ของนักการตลาดให้คะแนนกับการทำ Visual Marketing ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดต่อกลยุทธ์ทางการตลาด นั่นหมายความว่าอินโฟกราฟิกเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยยกระดับเนื้อหาธรรมดาๆ ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น ฉะนั้นในบทความนี้จะพามาดู 10 เหตุผลที่ควรใช้อินโฟกราฟิกในการทำ Content Marketing ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
1. อินโฟกราฟิกช่วยกระตุ้นให้ผู้อ่านตัดสินใจได้ดีขึ้น
ใครเคยอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าสมองของมนุษย์สามารถจดจำภาพและสีได้ดีกว่าคำพูดหรือข้อความหรือเปล่า? ดังนั้นหากนักการตลาดจะนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์ทางการตลาดของตนเองคงจะไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการนำอินโฟกราฟิกมาใช้เพื่อนำเสนอข้อมูลรายละเอียดที่มีความซับซ้อนแต่นำมาแปลงเป็นแผนภูมิหรือรูปภาพเปรียบเทียบต่างๆ เพื่อช่วยให้เนื้อหาดูมีความเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ เพื่อช่วยกระตุ้นความรู้สึกของผู้รับชมให้อยากอ่านข้อมูลเหล่านั้นต่อจนจบ ทำให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ครบถ้วน รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ง่ายต่อการถูก Share
อินโฟกราฟิกมีอัตราการถูกกดแชร์ที่สูงกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ดูน่าสนใจ มีความสวยงาม ข้อมูลสั้น กระชับ อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมในการแชร์มากที่สุด ดังนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการที่จะทำให้อินโฟกราฟิกถูกแชร์ แบรนด์ควรที่จะ
- เปิดการแชร์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้เป็นแบบสาธารณะ
- เผยแพร่อินโฟกราฟิกในทุกช่องทางออนไลน์ให้ได้มากที่สุด
3. สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือ
การสร้างอินโฟกราฟิกที่ดูน่าสนใจและให้ข้อมูลที่สามารถช่วยเหลือผู้อ่านได้จริงจะช่วยให้แบรนด์ดูมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแบรนด์สามารถทำอินโฟกราฟิกในแบบที่เป็นออริจินัลทั้งเนื้อหา ข้อความ รูปภาพ จะช่วยให้แบรนด์สามารถวางตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องๆ นั้นได้ง่ายมากขึ้นและจะส่งอิทธิพลต่อการทำการตลาดออนไลน์ในระยะยาวอีกด้วย
สำหรับการสร้างอินโฟกราฟิกให้ดูน่าเชื่อถือ ลองใช้เคล็ดลับต่อไปนี้
- ออกแบบหรือดีไซน์อินโฟกราฟิกให้ดูเข้าถึงง่าย เพื่อให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก
- คงความสม่ำเสมอในการเผยแพร่
- เนื้อหาบนอินโฟกราฟิกไม่ควรซับซ้อนหรือเข้าใจยากจนเกินไป
- ควรลงทุนไปกับการออกแบบดีไซน์ โดยใช้นักออกแบบมืออาชีพ
4. อินโฟกราฟิกช่วยสร้าง Brand Awareness
การออกแบบอินโฟกราฟิกให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบตัวอักษร คู่สีที่ใช้ จะช่วยให้ผู้ที่รับชมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ สามารถรับรู้ได้ว่าอินโฟกราฟิกนี้มีที่มาจากแบรนด์ใด ฉะนั้นหากต้องการสร้าง Brand Awareness ให้ผู้รับชมสามารถจดจำแบรนด์ได้มากขึ้นอย่าลืมที่จะปรับปรุงทุกแง่มุมของอินโฟกราฟิก โดยไล่ไปตั้งแต่สีจนถึงรูปแบบตัวอักษร การจัดวางองค์ประกอบเพื่อให้สอดคล้องกับแบรนด์
5. อินโฟกราฟิกช่วยสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพได้
Link Building เป็นตัวช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับ SEO ที่ดีได้ ด้วยการสร้างอินโฟกราฟิกให้เข้าใจง่าย และนำไปเผยแพร่อินโฟกราฟิกบนเว็บไซต์ที่มีค่า Domain Authority (DA) สูง หรือหากอินโฟกราฟิกที่คุณทำมีคุณภาพที่มากพอจนเป็นที่น่าจับตามองจากเว็บไซต์อื่นๆ ก็จะช่วยให้มีโอกาสได้ Backlink ที่มีคุณภาพตามไปด้วยนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ให้ระวังการเผยแพร่อินโฟกราฟิกบนเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็น Spam เพราะอาจจะทำให้อันดับหน้าเว็บไซต์ลดลงแทน เผลอๆ อัลกอริทึมจะมองว่าเว็บไซต์เป็น Spam เสียเอง
6. อินโฟกราฟิกช่วยปรับปรุง SEO
ด้วยการที่อินโฟกราฟิกเป็นหนึ่งในรูปแบบคอนเทนต์ที่ถูกสร้าง แชร์ และใช้งานได้ง่ายบนหลายแพลตฟอร์ม แน่นอนว่าถ้ามีการออกแบบที่พิถีพิถันอย่างถูกต้อง และมีกลยุทธ์ในการโปรโมตที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยเพิ่ม Engagement และ Conversion ให้กับหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ได้ง่ายที่สุดในการปรับปรุง SEO ด้วยอินโฟกราฟิกคือเริ่มต้นด้วยการที่แน่ใจว่าอินโฟกราฟิกของคุณสามารถถูกแชร์ได้ง่าย เพื่อที่จะเชื่อมโยงให้ผู้ที่รับชมสามารถเข้ามายังเว็บไซต์ได้ง่ายมากขึ้น
7. อินโฟกราฟิกช่วยสรุปใจความสำคัญ
ด้วยการที่อินโฟกราฟิกไม่ถูกจำกัดให้อยู่แต่เพียงเฉพาะข้อความ ดังนั้นการใช้สื่อต่างๆ อย่างรูปภาพ แผนภูมิ กราฟ หรือแผนผังต่างๆ ก็สามารถเข้ามาช่วยลดทอนข้อมูลที่มีความซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายมากขึ้น แต่ในท้ายที่สุดอินโฟกราฟิกก็เปรียบเหมือนกับการสรุปใจความสำคัญของหนังสือ 1 เล่ม หากไม่มีการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจหรือมีข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการตอบคำถามของผู้รับชมที่มากพอ ก็จะทำให้ผู้รับชมเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย และพร้อมใจที่จะเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอย่าลืมพิจารณาว่าคนทั่วไปอ่านหนังสือตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไร ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ มีโครงสร้างที่ชัดเจน อะไรที่ควรโฟกัส จุดประสงค์คืออะไร อินโฟกราฟิกที่ดีก็ต้องมีสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
8. อินโฟกราฟิกช่วยเพิ่มความสามารถในการอ่าน
ด้วยพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากเนื้อหากลายเป็นภาพ เห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างอินสตาแกรม และ TikTok อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าตอนนี้โลกออนไลน์กลายเป็นสังคมที่เน้นการโฟกัสกับเนื้อหาด้วยภาพมากขึ้น ดังนั้นอินโฟกราฟิกที่มีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นภาพ หรือแผนภูมิต่างๆ จึงสอดคล้องกับพฤติกรรมการเสพสื่อของคนในปัจจุบัน
ลองใช้เคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อปรับปรุงเนื้อหาอินโฟกราฟิกให้น่าอ่านมากขึ้น
- ใช้คู่สีที่สอดคล้องกับ Trade Mark ของแบรนด์
- ทำ A/B Test เพื่อทดสอบเลย์เอาต์ต่างๆ หรือเทมเพลตเพื่อพิจารณาว่าแบบใดจะตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
- หลีกเลี่ยงข้อมูลที่ซับซ้อน แต่ให้เน้นที่ข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญที่สุดแทน
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com