นับจากวันที่กูเกิลเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 1998 การทำ SEO ก็มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่หนึ่งสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือยอด Organic Traffic ที่แปรผันตรงกับตำแหน่งอันดับของเว็บไซต์ แน่นอนว่าหากคุณมีการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO ยอด Organic Traffic ที่มหาศาลจะตามมาและส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดี แต่ในทางกลับกันหากคุณไม่มีการเตรียมพร้อมเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO ก็เลิกคาดหวังอันดับดีๆ ได้เลย
ฉะนั้นในบทความนี้จะพามาดู 4 เรื่องพื้นฐานที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์เพื่อให้มีอันดับที่ดี รับรองว่าถ้าทำตามแล้วการันตีอันดับเว็บไซต์ของคุณแน่นอน
อยากให้เว็บไซต์มีอันดับดีๆ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
นับว่าเป็นหนึ่งในคำถามที่มักจะวนเวียนอยู่ในแวดวงของนักการตลาดที่เพิ่งเริ่มต้นทำ SEO เสมอ อย่างไรก็ตามต้องทำความเข้าใจร่วมกันก่อนว่าอันดับของ SEO นั้นมีชุดตัวแปรที่เป็นปัจจัยต่างๆ เยอะมากถึงมากที่สุดและมีหลากหลายสถานการณ์ที่พร้อมจะส่งผลให้อันดับเว็บไซต์ของคุณนั้นแย่ลงหรือดีขึ้น ดังนั้นห้ามคาดหวังว่าผลลัพธ์ที่ได้จะต้องเห็นผลภายใน 3 วัน 7 วัน แต่ให้คิดว่าเป็นการวิ่งแข่งขันมาราธอนที่ต้องใช้เวลาพอสมควร อาจจะ 3 เดือน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำ SEO อะไรก็ได้แล้วตบท้ายด้วยการนั่งรอดูผลอย่างใจจดใจจ่อ แต่ความหมายคือการทำ SEO จะต้องทำให้ถูกหลักที่อัลกอริทึมของกูเกิลนั้นต้องการด้วย ลองมาดู 4 เรื่องพื้นฐานต่อไปนี้ ที่เปรียบเสมือนสารตั้งต้นที่จะช่วยให้ผลลัพธ์การทำ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพที่ดีและคาดหวังผลลัพธ์ที่ต้องการได้
1.SEO ที่ดีเริ่มต้นจากรากฐานที่ดี
พื้นฐานแรกในการทำ SEO คือการมีโครงสร้างเว็บไซต์และสถาปัตยกรรมข้อมูลที่ดีที่สุด หากเว็บไซต์ของคุณเข้าถึงได้ยากต่อทั้งอัลกอริทึมของ Search Engine และผู้ใช้งานทั่วไป แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของกูเกิลเพื่อนำไปจัดอันดับ ดังนั้นอย่าลืมให้ความสนใจกับเรื่องพื้นฐานอย่าง Core Web Vitals (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Core Web Vitals ได้ที่นี่)
นอกจากนี้การทำ SEO Audit ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถดันอันดับให้สูงได้ อย่าลืมว่าอัลกอริทึมของกูเกิลนั้นมีปัจจัยนับพันอย่างที่จะเลือกมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับเว็บไซต์ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการที่จะอยู่เหนือเว็บไซต์คู่แข่งอื่นๆ การทำ SEO Audit จะช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ SEO Audit ได้ที่นี่)
2.เว็บไซต์ต้องพร้อมมอบประสบการณ์ที่ดี
กูเกิลให้นิยามประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ว่า “เป็นชุดสัญญาณที่เอาไว้วัดว่าผู้ใช้งานนั้นมีการโต้ตอบกับหน้าเว็บไซต์อย่างไร ทั้งบนเดสก์ท็อปและโทรศัพท์มือถือ” สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลต่อประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่กูเกิลให้คำจำกัดความเอาไว้ มีดังนี้
- ขนาดของไฟล์บนเว็บไซต์ หนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งานมากที่สุดคือไฟล์รูปภาพที่มีขนาดใหญ่จนส่งผลกระทบให้เว็บไซต์มีอาการหน่วง ช้า ดังนั้นอย่าลืมปรับขนาดไฟล์รูปภาพให้เหมาะสมกับโครงสร้างของเว็บไซต์ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับการทำ Image Optimize ได้ที่นี่)
- ไฟล์ Script บนเว็บไซต์ ไฟล์ประเภท JavaScript และ CSS เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีอาการหน่วง อืด ช้า ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบว่ามีไฟล์ไหนที่สามารถลบออก หรือย่อขยายหรือรวมกันให้เป็นไฟล์เดียวได้
- Mobile Friendly ตรวจสอบเว็บไซต์ว่ามีการรองรับการใช้งานบนมือถือแล้วหรือยัง เพราะในปัจจุบันกูเกิลให้ความสำคัญกับนโยบาย Mobile First Indexing มากขึ้น (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) จากพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคที่นิยมใช้งานบนสมาร์ทโฟนกันมากขึ้น
- HTTPS ตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีการใช้งาน HTTPS แล้วหรือยัง เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของเว็บไซต์ที่จะส่งผลต่ออันดับ SEO เช่นกัน
- โฆษณาคั่นหน้า (Intrusive Interstitials) อย่าลืมตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีโฆษณาป๊อปอัพที่จะเป็นการบดบังเนื้อหาส่วนใหญ่หรือเปล่า
3.ใส่ใจ Search Intent
กูเกิลมีการพัฒนาอัลกอริทึมอยู่เสมอ เริ่มต้นตั้งแต่ Hummingbird จนมาถึง Rankbrain และ Bert ในปัจจุบัน แน่นอนว่ากูเกิลต้องการให้ผู้ค้นหาได้รับข้อมูลที่ตรงใจที่สุดด้วยการปรับให้อัลกอริทึมสามารถเข้าใจบริบทต่างๆ ของการค้นหาให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้แสดงผลลัพธ์ที่ตรงใจกับผู้ใช้งาน โดยพื้นฐาน Search Intent ที่มือใหม่ต้องรู้มีอยู่ด้วย กัน 4 ประเภทหลักๆ คือ
- หาข้อมูล (Informational) เป็นการค้นหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามบางอย่างที่ต้องการ
- หาทาง (Navigational) เป็นการค้นหาเว็บไซต์ที่ต้องการ
- หาตัวเลือก (Commercial) เป็นการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจการซื้อในอนาคต
- หาการซื้อ (Transactional) เป็นการหาเมื่อพร้อมซื้อสินค้านั้นๆ แล้ว
ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำคอนเทนต์ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บไซต์ใหม่ บล็อก หรืออื่นๆ อย่าลืมดูเรื่อง Search Intent ก่อนเสมอ
4.ปรับปรุง Internal Links
สำหรับการทำ Internal Links บนเว็บไซต์จำเป็นต้องทำอย่างมีกลยุทธ์ ลองมาดูเคล็ดลับเล็กๆ ต่อไปนี้กัน
- แก้ไข Broken Links และ Duplicates Links หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่มีนิสัยในการละเลยหรือเห็นแล้วปล่อยผ่านพวก Broken Links ต่างๆ นั่นหมายถึงหายนะกำลังมาเยือนเว็บไซต์คุณแบบที่คุณไม่รู้ตัวแน่นอน ดังนั้นข้อแนะนำคืออย่าลืมใช้เครื่องมืออย่าง Sitebulb ที่จะช่วยตรวจสอบ Broken Links ต่างๆ เพื่อที่จะได้แก้ไขให้ทันท่วงที
- ตรวจสอบ Site Mentions อีกหนึ่งเคล็ดลับคือการเปิดใช้ Google Alert เพื่อช่วยสอดส่องหาเว็บไซต์ที่มีการเมนชันถึงคุณแต่ไม่ยอมใส่ Backlink กลับมา
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com